นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับภูมิทัศน์ถนนเยาวราช ว่า ภายในเดือนเมษายนนี้ จะได้ข้อสรุปแนวทางดำเนินการที่หารือร่วมกับผู้ประกอบการถนนเยาวราช โดยจะปรับภูมิทัศน์จากวงเวียนโอเดียน-แยกราชวงศ์ รวมถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบวงเวียนโอเดียนที่มีการจัดงานพระราชพิธีหลายครั้ง จะมีการซ่อมแซมทั้งพื้น เสา และรั้วกันคนเร่ร่อนและสุนัขจรจัดที่จะเข้าไปนอนในบริเวณ โดยจะปูกระเบื้องใหม่ทั้งหมดในพื้นที่วงเวียนรวมถึงทางเดิน และทำหลังคากันแดดกันฝนด้วย นอกจากนี้จะมีการเปลี่ยนจุดกลับรถเดิมเพื่อไม่ให้มีปริมาณรถสะสมมากเกิดปัญหาจราจรในพื้นที่

สำหรับทางเท้าทั้งสองฝั่งที่จะปรับปรุงตั้งแต่วงเวียนโอเดียน-แยกราชวงศ์ ฝั่งละประมาณ 800 เมตร จะปูพื้นทางเท้าด้วยวัสดุใหม่ที่แสดงอัตลักษณ์ของเยาวราช โดยให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอความคิดรูปแบบที่เหมาะสม รวมถึงติดตั้งเสาไฟส่องสว่างเพื่อลดความเสี่ยงในเวลากลางคืน โดยจะกำหนดจุดชัดเจนที่เข้ากับพื้นที่ถนนเยาวราชที่ทั้งสองฝั่ง เนื่องจากตัวอาคารตลอดแนวของถนนเยาวราชจะมีเอกลักษณ์ด้วยชายคาที่ยื่นออกมา จึงต้องกำหนดจุดที่ชัดเจน แต่จะต้องมีแสงสว่างอย่างเพียงพอตลอดแนวถนนด้วย และร่องระบายก็ให้ไปสำรวจซ่อมในจุดที่ชำรุดเสียหาย

ในส่วนของผู้ค้าขายสตรีทฟู้ดในถนนเยาวราชอยากให้เป็นแม่แบบรถเข็นรักษ์โลก ซึ่งกรุงเทพมหานครได้การสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เป็นต้น ที่จะออกทุนให้ โดยได้นวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกมาจาก สวทช. ที่ออกแบบรถเข็นให้ 3-4 แบบ ตามประเภทของอาหาร มีถังดักไขมัน กรองขยะเศษอาหาร กำจัดของเสียก่อนปล่อยน้ำลงท่อระบายน้ำ ถูกสุขอนามัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะให้เป็นต้นแบบรถเข็นรักษ์โลกใช้ในพื้นที่อื่นๆ ของกรุงเทพฯ ต่อไปด้วย สำหรับรถเข็นรูปแบบใหม่ของเยาวราชนี้ เบื้องต้น จะมีผู้ค้าขายอาหารจำนวน 50 ราย ที่ต้องมีการประกอบปรุง ที่จะใช้รถเข็นรักษ์โลก โดยรถเข็นใหม่ สวทช. จะออกทุนให้ 60% เอกชนช่วยอีก 40% ผู้ค้าจะไม่ต้องออกทุนในการทำรถเข็นเลย ซึ่งจะมีทั้งผู้ค้าถนนเยาวราช ถนนข้าวหลาม และบริเวณหน้าสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ขณะนี้รอสรุปแบบที่จะปรับให้มีอัตลักษณ์ความเป็นจีนของเยาวราชซึ่งผู้ค้า ผู้ประกอบถนนเยาวราช และภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนผู้ค้าที่เหลือ (ที่ไม่มีการประกอบปรุง) จากจำนวนทั้งหมด 170 ราย จะใช้ รถเข็นปกติ ซึ่งจะมีการออกแบบใหม่เพื่อให้เป็นรูปแบบแนวทางเดียวกัน โดยภาคเอกชนจะสนับสนุนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้จะสรุปแบบทั้งหมดให้ได้ภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อนำเสนอผู้บริหารในเดือนพฤษภาคมพิจารณาอนุมัติดำเนินการ ซึ่งพยายามเร่งให้เสร็จภายในปี 2564 นี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต