24 พฤษภาคม 2564นายวาริท อยู่วิทยา รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เปิดเผยว่าว่า ทางบริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญขออุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรีที่มีความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด แต่ที่ผ่านมาปรากฎว่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีประสบปัญหาการบุกรุกป่าถากถางเพื่อทำพื้นที่กาสรเกษตรโดยเฉพาะการปลูกสับปะรด และเพื่อการล่าสัตว์ ทำให้พื้นที่อาศัยของสัตว์ป่าดั้งเดิมถูกทำลาย โดยเฉพาะสัตว์ป่าหายาก นอกจากนี้ยังเกิดกรณีช้างป่าถูกฆ่าตายเนื่องจากลงมารบกวนพื้นที่แปลงเกษตรของชาวบ้าน เราจึงมีแนวคิดที่จะให้การสนับสนุน เพื่อร่วมอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และลดปัญหาระหว่างคนกับช้างอย่างต่อเนื่องตลอดไป
นายเจษฎาคมน์ ยงใจยุธ ผู้จัดการฝ่ายบริหารความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ได้เข้ามาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยเริ่มจากการสนับสนุนอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งการป้องกันไฟป่า GPS กล้องดักถ่าย เสบียงอาหารสำหรับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเพื่อสำรวจภัยคุกคามและการกระจายตัวของสัตว์ป่า รวมถึงการให้รางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่กรณีนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาลักลอบล่าสัตว์ป่า
“กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ จึงได้ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่อุทยาน เพื่อบรรเทาปัญหาของชาวบ้านและร่วมอนุรักษ์ผืนป่ากุยบุรี โดยได้ทดลองทำแปลงหญ้าอาหารสัตว์ที่พุยายสาย 100 ไร่ ซึ่งเห็นผลดีมีสัตว์ลงมากินหญ้า จึงขยายแปลงปลูกหญ้าเพิ่มขึ้นในจุดอื่น โดยปัจจุบันมีถึง 300 ไร่ ซึ่งจะต้องมีการฟื้นฟูและลงแปลงหญ้าใหม่ทุกปี นอกจากนี้ยังสร้างแอ่งกระทะน้ำขนาดกว้าง 8 เมตร และโป่งเทียมเพื่อช่วยเหลือทั้งชาวบ้านและสัตว์ป่าไม่ให้ลงมารบกวนชาวบ้านในช่วงหน้าแล้ง ซึ่ง 10 กว่าปีที่ผ่านมาใช้เงินสนับสนุนไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท”
ด้านนายบุญลือ พูลนิล อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า ป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีพื้นที่กว่า 1,100 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สเป็นพื้นที่ป่าที่เชื่อมต่อกับชุมชนทั้งหมู่บ้านรวมไทย ย่านซื่อ และพุบอน รวมระยะทางกว่า 100 เมตร ในช่วงหน้าแล้งมักประสบปัญหาสัตว์ป่าลงมารบกวนชาวบ้าน เนื่องจากขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม จากการที่ กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรี มีจำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จากการสำรวจพบช้างป่า 100 กว่าตัวในปี 2551 ต่อมาในปี 2559 มีการตรวจ DNA ในขี้ช้าง พบว่ามีช้าง 237 ตัว ส่วนกระทิงเมื่อปี 2551 พบเพียงร่องรอยของกระทิงและวัวแดง แต่เมื่อลงมือทำแปลงหญ้าอาหารสัตว์ พบว่าล่าสุดมีจำนวนกระทิงและวัวแดงไม่ต่ำกว่า 300 ตัว ทั้งนี้ ธรรมชาติที่มีการฟื้นตัวยังส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเฉพาะ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่เพื่อชมธรรมชาติและสัตว์ป่า ทั้งช้างป่า กระทิง วัวแดง เก้งและกวาง อีกทั้งก่อให้เกิดการสร้างอาชีพในชุมชนเกิดเป็นชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี เพื่อพานักท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและลดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อล่าสัตว์ขาย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี