ในวันที่ 13 มิถุนายน 2564 นี้ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีอายุครบ 119 ปี กว่าจะมาถึงวันนี้กรมนี้มีตำนาน...ที่ยาวนานครับ
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2541 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีพระบรมราชานุญาตให้ บริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ได้รับสัมปทานดำเนินโครงการก่อสร้างระบบคลอง ในบริเวณพื้นที่ราบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือที่เรียกว่า “ทุ่งรังสิต” เพื่อใช้ในการเพาะปลูก และการคมนาคมขนส่งทางน้ำ
บริษัทได้ดำเนินการขุดคลองในปี 2433 เริ่มจากการขุดคลองสายใหญ่เชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำนครนายก นั้นก็คือ “คลองรังสิตประยูรศักดิ์” พร้อมทั้งมีการสร้างประตูระบายน้ำ จากนั้นก็ได้มีการขุดคลองสาขาอีกหลายสาย เป็นโครงข่ายระบบคลอง ทำให้พื้นที่รกร้างบริเวณทุุ่งรังสิตเปลี่ยนเป็นแหล่งเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด คือ ปทุมธานี นครนายก พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตามหลังจากดำเนินการขุดคลองไปได้ประมาณ 10 ปี รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่า จำเป็นจะต้องมีการวางระบบการบริหารจัดการน้ำในทุ่งรังสิต จึงได้ว่าจ้าง นายเย โฮมัน วันเดอร์ ไฮเด วิศวกรชลประทานชาวฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) มาดำเนินการวางระบบชลประทาน พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง “กรมคลอง” ขึ้นมาในวันที่ 13 มิถุนายน 2445 และทรงแต่งตั้งนายเย โฮมัน วันเดอร์ ไฮเด เป็นเจ้ากรมคลองคนแรก
ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “กรมทดน้ำ”
ขึ้นแทน “กรมคลอง” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2457 พร้อมทั้ง สร้างเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ คือ เขื่อนพระราม6 ขึ้นที่ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโครงการชลประทานขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย จากนั้นก็ได้เริ่มก่อสร้างโครงการชลประทานกระจายไปทั่วทุกภาคของประเทศ
รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริว่า หน้าที่ของกรมทดน้ำ มิได้ปฏิบัติงานอยู่เฉพาะแต่การทดน้ำเพียงอย่างเดียว งานที่กรมทดน้ำปฏิบัติอยู่จริงในขณะนั้นมีทั้งการขุดคลอง การทดน้ำ รวมทั้งการส่งน้ำตามคลองต่าง ๆ อีกทั้งการสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือการเพาะปลูก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก “กรมทดน้ำ” เป็น “กรมชลประทาน” เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2470 โดยให้มีหน้าที่รับผิดชอบงานการขุดคลอง การทดน้ำ การส่งน้ำ และการสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกอย่างทั่วถึง
รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ความสำคัญกับงานชลประทานมากเป็นพิเศษ ทรงตั้งพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นลำดับแรก พระราชทานพระราชดำรัสเสมอว่า “น้ำคือชีวิต” และได้มีพระราชดำริให้กรมชลประทานดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2,000 โครงการ สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติอย่างมหาศาล
รัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสขอให้กรมชลประทาน สืบสานต่อยอด และเร่งรัดดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 ให้สัมฤทธิ์ผล
จากกรมคลองเมื่อ 119 ปี ที่แล้วมาเป็นกรมชลประทานวันนี้ ภารกิจของกรมชลประทานยังต้องก้าวต่อไปเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ว่า “เป็นองค์กรอัจฉริยะ ที่มุ่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำ เพื่อเพิ่มคุณค่าการบริการ ภายในปี 2580”
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี