โควิดยังแรงตายรายวัน29ศพ
ป่วยพุ่งทะลุ3พัน
ผงะพบคลัสเตอร์ใหม่อีก7จว.
กลาโหมส่งทหารช่วยกทม.
‘สุชาติ’ยันวัคซีนมีเพียงพอ
สปส.เดินหน้าฉีดต่อจันทร์นีี้
ศธ.ย้ำเปิดเรียนตามกำหนด
ศบค.รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 3,277 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 29 ศพ พบคลัสเตอร์ใหม่อีก7 จังหวัด กระทรวงกลาโหม เสริมกำลังเข้าช่วย กทม. คุมเข้มแคมป์คนงานควบคุมไวรัสร้ายแพร่ระบาด รมว.แรงงานยืนยันวัคซีนไม่ขาด ผู้ประกันตนได้ฉีดแอสตราเซเนกาเหมือนเดิม จะเริ่มเปิดใหม่วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนนี้
ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมของประเทศไทย ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2564 ดังนี้ พบจํานวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 3,277 ราย แบ่งออกเป็นติดเชื้อใหม่ 2,385 ราย จากเรือนจำ-ที่ต้องขัง 892 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 193,105 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 29 คน ยอดสะสม 1,431 คน โดยยอดผู้ป่วยสะสมดังกล่าว มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในจีน ซึ่งล่าสุดอยู่ 91,359 ราย ซึ่งจีนอยู่ในอันดับที่ 98 ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 79 ทำให้การระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่ 1 เม.ย.-12 มิ.ย.64 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 164,242 ราย เสียชีวิตสะสม 1,337 คน ขณะที่ยอดผู้หายป่วยรายใหม่ อยู่ที่ 5,273 ราย ผู้หายป่วยสะสม 122,845 ราย (ตั้งแต่ 1 เม.ย.-12 มิ.ย.64)
พบคลัสเตอร์ใหม่อีก7จังหวัด
ทั้งนี้ ข้อมูลการระบาดที่พบในจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นนั้น พบว่าจากรายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบคลัสเตอร์ใหม่อีก 7 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรปราการ อ.บางเสาธง พบคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานผลิตและจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูป ติดเชื้อ 5 ราย จ.ปทุมธานี อ.ลำลูกกา พบคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานแปรรูปไก่ มีคนงานชาวไทย เมียนมา กัมพูชา ส่วนที่อ.คลองหลวง บริษัทอะลูมิเนียม พบคลัสเตอร์ใหม่ ติดเชื้อแล้ว 8 ราย จ.สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทรสาคร พบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานลูกชิ้น ติดเชื้อแล้ว 20 ราย ส่วนที่อ.กระทุ่มแบน คลัสเตอร์ใหม่ โรงงานขนม พบติดเชื้อ 45 ราย จ.เพชรบุรี อ.เมืองเพชรบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดสด ติดเชื้อ 9 ราย จ.กำแพงเพชร อ.เมืองกำแพงเพชร พบคลัสเตอร์ในชุมชน พบติดเชื้อ 25 ราย จ.จันทบุรี อ.ท่าใหม่ พบคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดผลไม้เนินสูง พบติดเชื้อ 6 ราย
กห.ย้ำเสริมกำลังช่วย กทม.คุมโควิด
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห. และ พล.อ.ณัฐอินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. นขต.กห. เหล่าทัพ และ ตร. ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาโควิด 19 และการช่วยเหลือประชาชน ภาพรวม ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ยังคงทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด สนับสนุนการแก้ปัญหาเร่งด่วนและขับเคลื่อนบริหารจัดการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง
สนับสนุนการการทำงานหลายด้าน
ทั้งนี้ ได้จัดกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ ยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์ เสริมเพิ่มเข้าไปช่วยจัดตั้งและบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกว่า 6,500 ราย เข้ารับการรักษา การตรวจคัดกรองเชิงรุกและเก็บเชื้อในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง การสนับสนุนจัดตั้ง บก.ควบคุมพื้นที่แพร่ระบาด เช่น แคมป์คนงาน โรงงานและตลาดชุมชน การสนับสนุนจัดกำลังพลคัดกรองโรค ณ สนามบิน รวมทั้งกรมราชทัณฑ์แก้ปัญหาเรือนจำที่พบการติดเชื้อ การบริหารจัดการสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ (15 SQ และ 142 ASQ ) การจัดรถครัวสนามประกอบอาหารช่วยเหลือประชาชนกว่า 300 ชุมชน ในพื้นที่ที่พบติดเชื้อจำนวนมาก รวมทั้งการเข้าไปช่วยสนับสนุนพ่นยาฆ่าเชื้อในโรงเรียนก่อนเปิดเทอมกว่า 350 แห่ง และสนับสนุนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศแล้วกว่า 24,000 คน
นายกฯขอบคุณกำลังพลทุกเหล่าทัพ
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า รมช.กห. ได้ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กห. ได้ขอบคุณกำลังพลทุกเหล่าทัพที่สนับสนุนส่วนราชการต่างๆ รับมือกับวิกฤติโควิด-19 และเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้ดำรงความต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จะปกติ พร้อมแสดงความห่วงใยทหารที่จะเข้าประจำการพร้อมกันทุกเหล่าทัพใน 1 ก.ค.64 โดยขอให้มีมาตรการควบคุมโรคในการฝึกและประสาน สธ. จัดหาวัคซีนรองรับทหารที่เข้าใหม่และครูฝึก ให้เพียงพอสำหรับเกิดภูมิคุ้มกันเป็นส่วนรวมในการปฏิบัติงานร่วมกัน
เน้นย้ำให้ดูแลแคมป์คนงานเข้ม
นอกจากนี้ พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพและตำรวจ เสริมกำลังเข้าไปสนับสนุน กรุงเทพมหานคร ตามที่ร้องขอ ในการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นพื้นที่ทั้งใน กทม.และปริมณฑล ที่ยังพบกระจายในหลายคลัสเตอร์ โดยเฉพาะแคมป์คนงานที่มีกว่า 400 แห่ง ที่จำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ควบคุมการปฏิบัติเข้มในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออก และนำเข้าสู่การรักษาในระบบ พร้อมทั้งขอให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนการบริจาคโลหิตให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ที่ยังพบการขาดแคลน เพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยรอการรักษาอีกจำนวนมาก
รมว.แรงงานเร่งปรับปรุงจุดบกพร่อง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ประกาศเลื่อนการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 45 ศูนย์ออกไป ซึ่งในเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงผู้ประกันตนและเข้าใจดีว่าผู้ประกันตนประสงค์อยากจะฉีดวัคซีนโดยเร็ว จึงได้สั่งการให้ รมว.แรงงานปรับปรุงจุดบกพร่องทั้ง 2 ประการอย่างเร่งด่วน ทั้งกรณีสถานที่บางแห่งที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากไม่มีแอร์ อากาศร้อน จะยกเลิกสถานที่ดังกล่าวโดยจะยุบรวมมาอยู่ในสถานที่ที่มีความพร้อมและมีแอร์คอนดิชั่น
ฉีดให้สถานประกอบการที่พร้อมไปก่อน
ส่วนกรณีเรื่องข้อมูลของผู้ประกันตนที่ฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการส่งมาให้เกิดความสับสนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงจากเหตุผลหลายประการ อาทิ ลงทะเบียนซ้ำซ้อนหลายแห่ง การไปฉีดวัคซีนจากที่อื่นมาก่อนแล้ว ผู้ประกันตนไม่พร้อมมาฉีดตามวัน เวลา ที่กำหนด แต่ฝ่ายบุคคลไม่ได้แจ้งกลับมา หรือกรณีที่ผู้ประกันตนมีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมจะฉีด เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ประสานไปยังสถานประกอบการต่างๆ เพื่อเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้ประกันตนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนอย่างแท้จริง หากว่าสถานประกอบการใดยังไม่พร้อมก็จะให้รอไปก่อน เราจะดำเนินการฉีดให้สถานประกอบการที่มีความพร้อมไปก่อน โดยจะเริ่มดำเนินการฉีดอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.นี้
ยืนยันวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนไม่ขาด
“ผมขอย้ำว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา สำหรับผู้ประกันตนไม่ขาด ผมกับท่านรองนายกฯ อนุทิน ทำงานกันอย่างใกล้ชิดและปรึกษาหารือกันมาโดยตลอด เพื่อให้การฉีดวัคซีนซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ สามารถควบคุมการแพร่ระบาด เกิดประโยชน์สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า โดยกระทรวงแรงงานจะเร่งดำเนินการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาเปิดบริการฉีดได้ใหม่ในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนที่จะถึงนี้” รมว.แรงงาน กล่าว
สธ.จับมือ ศธ. เตรียมพร้อมเปิดเรียน
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ร่วมแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนและแผนเผชิญเหตุกรณีป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในสถานศึกษา ณ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียน และแผนเผชิญเหตุกรณีป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในสถานศึกษานั้น กรมอนามัยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมกันจัดทำแนวปฏิบัติยกระดับความปลอดภัยมั่นใจสุขอนามัยไร้โควิด-19 ระลอกใหม่ในสถานศึกษา (เล่มสีเหลือง) และได้มีการดำเนินงาน นำร่องกลุ่มโรงเรียนที่มีเรือนพักนอนในสถานศึกษาจำนวน 4 แห่ง ในแต่ละภาค ได้แก่ เชียงใหม่ เพชรบุรี ศรีสะเกษ และกระบี่ ด้วยการพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังและคัดกรองความเสี่ยงโรคโควิด-19 รวมถึงการกำกับติดตามผลการจัดการเรียนการสอนและการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษา โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและฝ่ายสาธารณสุขแบบบูรณาการ และสถานศึกษารายงานผลออนไลน์ ผ่าน MOECOVID / TSC ทุก 1 เดือน
รณรงค์สร้างความรอบรู้ป้องกันโควิด
นอกจากนี้ กรมอนามัยยังได้รณรงค์ภายใต้แนวคิด “ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน มุ่งมั่นป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษา” เพื่อสร้างความรอบรู้ในการป้องกันโรคโควิด-19 ประกอบด้วย 1.ตัดความเสี่ยง ด้วยหลัก 3 T (TST , TSC , Rapid Test) 2) สร้างภูมิคุ้มกัน ด้วย 2E1V (Exercise 6 ท่า บริหารปอด , Eating , Vaccine ครู) และ 3.มุ่งมั่นป้องกันโควิด-19 ด้วยการสื่อสารความรอบรู้ในการป้องกันโรคโควิด-19 ก้าวท้าใจในสถานศึกษา และประเมินความรอบรู้ในการป้องกันโรคโควิด-19 ของนักเรียน ครู และบุคลากรอีกด้วย
ราชทัณฑ์เผยคุกติดเชื้อคงที่129แห่ง
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูลวันที่ 11มิ.ย.64) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 892 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,759 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,875 ราย ซึ่งภาพรวมพบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 129 แห่ง และพบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม ขณะที่วันนี้ ยังคงมียอดผู้หายป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์มีจำนวนต่ำว่า 8,000 ราย เป็นวันแรกนับตั้งแต่พบการระบาดอย่างรุนแรงในระลอกใหม่ จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 17,138 ราย และมีจำนวนผู้ที่รักษาหายรายวัน มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 4 โดยมีเรือนจำ/ทัณฑสถานบางแห่งที่เคยเป็นพื้นที่แพร่ระบาดเดิม มีผู้ติดเชื้อที่ยังคงรักษาอยู่ต่ำกว่า 100 รายต่อเนื่องกันหลายวันแล้ว ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
ผู้เสียชีวิต2รายเป็นชายสูงอายุ
ขณะที่ในส่วนของผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 2 รายในวันนี้ นายอายุตม์ เปิดเผยว่า รายแรก เป็นผู้ต้องขังชายอายุ 82 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ต้องขังชายอายุ 80 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ยา Favipiravir ยาปฏิชีวนะในเส้นเลือด เครื่องออกซิเจน Highflow และรักษาตามกระบวนการอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาและเสียชีวิตในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี