วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรมชลประทานสั่งเตรียมความพร้อมใช้โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรังที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รับมือสถานการณ์น้ำหลากในปีนี้ หลังประสบผลสำเร็จในปี
ที่ผ่านมา พร้อมเร่งดำเนินการก่อสร้าง มั่นใจแล้วเสร็จภายในปี 2565 มั่นใจช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองตรังซ้ำซากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีน้ำต้นทุนไว้ใช้ในฤดูแล้งอีกว่า 3 ล้านลบ.ม.
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง เพื่อช่วยบรรเทาภัยน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายให้ชุมชนเมือง วัด โรงพยาบาล สถานที่ราชการในจังหวัดตรังที่เกิดเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูฝน ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้ามากกว่าร้อยละ 60 คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2565 อย่างไรก็ตามแม้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้บางส่วนแล้ว เช่น ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมาอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งที่จังหวัดตรัง มีมวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำตรัง กรมชลประทานจึงได้พิจารณาใช้คลองผันน้ำของโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ช่วยในการระบายน้ำ ทำให้อ.เมืองตรังรอดพ้นจากอุทกภัยมาได้
“สำหรับฤดูน้ำหลากปี 2564 นี้ก็เช่นกัน กรมชลประทานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการรองรับภาวะวิกฤติ หากมีปริมาณน้ำในแม่น้ำตรังเพิ่มสูงขึ้นจนอาจมีผลกระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนเมือง ก็จะใช้คลองผันน้ำและประตูระบายน้ำของโครงการฯที่ดำเนินการแล้วเสร็จช่วยบริหารจัดการมวลน้ำ คาดว่าจะสามารถลดระดับน้ำท่วมและไม่ทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เป็นเวลานาน มั่นใจว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนชาวตรังได้” อธิบดีกรมชลประทานกล่าว
ด้านนายรุทร์ อินนุพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทานกล่าวว่า แม่น้ำตรังซึ่งมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาด้านตะวันตกในเขตอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราชไหลผ่าน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.รัษฎา อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ อ.เมือง และไหลลงทะเลอันดามันที่ปากน้ำ อ.กันตัง รวมระยะทางยาว 123 กิโลเมตร เมื่อเกิดฝนตกหนักทางด้านบนหรือเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จะมีมวลน้ำจำนวนมากจะไหลบ่าลงสู่แม่น้ำตรัง จากสถิติน้ำหลากรอบ25 ปี จะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยถึง 1,400 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที ในขณะที่ประสิทธิภาพการรับน้ำของแม่น้ำตรังรับได้เพียง 600 ลบ.ม.ต่อวินาที อีกทั้งบางช่วงของแม่น้ำตื้นเขิน จึงไม่เพียงพอที่จะระบายน้ำออกสู่ทะเลเกิดน้ำล้นตลิ่งและท่วมซ้ำซาก
สำหรับการดำเนินโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ประกอบด้วยงานสำคัญๆ คือ คลองผันน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำของแม่น้ำตรัง ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ตรัง โดยก่อสร้างคลองผันน้ำความยาว 7.6 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่บริเวณหมู่ที่ 1 บ้านหนองตรุดกม.31+000 ของแม่น้ำตรัง ผ่านหมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3ต.หนองตรุด หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง และหมู่ที่ 4 ต.บางรัก สิ้นสุดที่บ้านคลองช้างหมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ความกว้างท้องคลอง 102 เมตร ลึก 4.5 เมตร สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อรวมกับศักยภาพรับน้ำของแม่น้ำตรัง จะสามารถระบายน้ำไม่ให้ท่วมพื้นที่ได้
นอกจากนี้ จะมีก่อสร้างประตูระบายน้ำ 2 แห่ง คือ ประตูระบายน้ำบริเวณปากคลองผันน้ำ เพื่อใช้ควบคุมและบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และประตูระบายน้ำบริเวณปลายคลองผันน้ำ เพื่อใช้กักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งก่อสร้างอาคารประกอบและอื่นๆ บริเวณแนวคลองผันน้ำ ได้แก่ สะพานรถยนต์ จำนวน 6 แห่ง เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่าง 2 ฝั่งคลอง อาคารรับน้ำจำนวน 24 แห่งตลอดแนวคลองผันน้ำเพื่อรับน้ำจากที่ลุ่มต่ำในพื้นที่ข้างเคียงลงสู่คลองผันน้ำ ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ ตลอดจนก่อสร้างถนนบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่งเพื่อสาธารณประโยชน์
“เมื่อโครงการฯ เสร็จสมบูรณ์ นอกจากช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว คลองผันน้ำสามารถเก็บกักน้ำได้ 3.2 ล้านลบ.ม. ไว้สำหรับการเกษตร การอุปโภคในฤดูแล้ง เป็นแหล่งน้ำดิบช่วยสนับสนุนการผลิตน้ำประปาประมาณ 1.74 ล้านลบ.ม.ต่อปี รวมถึงช่วยผลักดันน้ำเค็ม มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ในฤดูฝน 10,000 ไร่ ฤดูแล้ง 3,000 ไร่”ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี