ทิศทางสถานการณ์ราคายางพาราจะเป็นอย่างไรในไตรมาสสุดท้าย หลังจากทิศทางราคายางเริ่มค่อยๆลดลงตั้งแต่กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา ราคายางเฉลี่ยในเดือนกันยายน 2564 ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคา 52.29 บาท/กก. ยางแผ่นดิบ ราคา 50.12 บาท/กก. และน้ำยางสด ราคา 47.92 บาท/กก.
อย่างไรก็ตามทิศทางราคายางยังไม่แน่นอนในปัจจุบัน มีการจับไปโยงกับกรณีที่ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ประมูลระบายสต๊อกยางจำนวน 104,763.35 ตัน ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางมีแนวโน้มลดลง และยังกล่าวหาว่ามีความไม่โปร่งใส ทำให้ประเทศชาติเสียหายอีกด้วย
เรื่องนี้จริงหรือไม่ จะเอาหลักฐานความเป็นจริงมาพิจารณาวิเคราะห์กัน?
ราคายางในเดือนเมษายน 2564 ก่อนที่จะเปิดประมูลยาง ราคาเฉลี่ยยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคา 62.80 บาท/กก. ยางแผ่นดิบ ราคา 60.13 บาท/กก. และน้ำยางสดราคา 59.52 บาท/กก.
สำหรับยางที่ กยท.เปิดประมูลในลอตดังกล่าว เป็นยางเก่าค้างสต๊อกจากโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง เมื่อปี 2555 และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง เมื่อปี 2557 ที่รับซื้อเข้ามาเพื่อตัดปริมาณยางในตลาดรักษาสถานภาพราคายาง รวมกันประมาณ 278,000 ตัน โดยในปีเดียวกันคือปี 2557 ก็ได้มีการเปิดประมูลเพื่อระบายยางจำนวนดังกล่าวเป็นครั้งแรก แต่บริษัทที่ชนะการประมูลไม่ทำตามสัญญารับซื้อไปเพียงแค่ 37,602 ตัน เพราะราคายางตกลงมาอย่างมากจึงรับซื้อไม่ครบ ทำให้ยางยังคงค้างสต๊อกจำนวนมาก
ต่อมาระหว่างปี 2559-2560 ได้เปิดประมูลครั้งที่ 2 เป็นการประมูลแบบคละเหมาคุณภาพแยกโกดัง ให้พ่อค้าเข้าไปตรวจสอบคุณภาพ
หากพอใจโกดังไหนที่ประมูลโกดังนั้น พ่อค้าก็เลือกยางที่คุณภาพดีไปหมด เหลือเฉพาะที่ยางเก่าคุณภาพไม่ดี จำนวน 104,763.35 ตัน และมีพ่อค้าบางกลุ่มนำยางในสต๊อกดังกล่าวไปอ้างว่า “ยางไม่ขาดมีในสต๊อกเป็นแสนๆตัน” เพื่อกดราคารับซื้อยางจากเกษตรกร ทั้งๆที่ยางดังกล่าวเป็นยางเสื่อมสภาพ ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณภาพและการประเมินมูลค่าสต๊อกยางแล้วจาก คณะกรรมการบริหารสต๊อกยาง บริษัทผู้ประเมินอิสระ ผู้แทนของเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันวิจัยยาง กยท. แล้วว่า “เป็นยางเสื่อมสภาพ” ที่ไม่มีสภาพพร้อมใช้ ถ้าจะใช้จะต้องนำไปฟื้นฟูปรับสภาพใหม่ ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนนี้
นอกจากนี้การเก็บรักษายางในสต๊อกยังมีค่าใช้จ่ายในเรื่อง ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัยยางพารา โดย ระหว่างปี 2555-2559 ใช้เงินไปทั้งสิ้น 2,317 ล้านบาท และระหว่างปี 2559-2564 ใช้เงินไปอีก 925 ล้านบาท เป็นการนำเงินจากกองทุน
พัฒนายางพาราซึ่งเป็นเงินที่ดูแลเกษตรกรชาวสวนยางมาใช้
ดังนั้นคณะกรรมการการยางธรรมชาติ (กนย.) ซึ่งมีทั้งหมด 31 ท่าน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรองประธาน และผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานเอกชน ผู้แทนเกษตรกรและเครือข่ายเกษตร ตลอดจนผู้ว่าการ กยท. ร่วมเป็นกรรมการ ได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ให้ระบายยางในสต๊อกดังกล่าวให้หมดโดยเร็ว และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ซึ่ง ครม.ก็มีมติเห็นชอบให้เร่งระบายยางในสต๊อก เพื่อลดภาระงบประมาณและรักษาประโยชน์สูงสุดของรัฐ โดยต้องดูจังหวะที่เหมาะสมและไม่กระทบกับราคายางในตลาดมากนัก
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ให้นโยบาย กยท. ด้วยว่า ให้ดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายเพื่อไม่ให้กระทบราคายางในตลาดโดยที่พี่น้องเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งต้องรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐเพราะเป็นเงินภาษีพี่น้องประชาชน และที่สำคัญต้องถูกต้องตามระเบียบ สุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยรัฐมนตรีเฉลิมชัยได้เน้นย้ำที่สุดคือ “ห้ามทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด”
คณะกรรมการ กยท. ที่มีผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง
ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้แทนที่มีความเชี่ยวชาญทางการค้า เป็นกรรมการ ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ให้ กยท.ดำเนินการระบายสต๊อกยางในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 เนื่องจากเป็นฤดูปิดกรีด ปริมาณผลผลิตมีไม่มาก การระบายยางในช่วงเวลานี้จะมีผลกระทบต่อตลาดน้อยหรือแทบไม่มีผลกระทบเลย
การเปิดประมูลขายยางในสต๊อกครั้งที่ 3 จำนวน 104,763.35 ตันดังกล่าว ได้มีการกำหนดราคากลาง และหลักเกณฑ์การประมูลคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ และเป็นไปตามมติของคณะกรรมการ กยท. ที่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เหมาะสม และโปร่งใส ทั้งนี้ มีบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติตามประกาศเบื้องต้นและสามารถเข้าร่วมประมูลได้มีจำนวน 6 ราย แต่มีเพียงบริษัทเดียวที่สนใจเข้ายื่นประมูล คือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่ระบุไว้ในประกาศทุกประการ อีกทั้งยังเสนอซื้อยางในราคาที่สูงกว่าที่ กยท. กำหนด โดยเสนอซื้อในราคา 37.28 บาทต่อกิโลกรัม รวมมูลค่าประมาณ 3,900 ล้านบาท
ทำไมราคาที่เสนอซื้อถูกกว่า ราคายางในช่วงเวลานั้น?
ราคายางแผนรมควันชั้น 3 ในเดือนเมษายน 2564 เฉลี่ย 62.80 บาท/กก. แต่นี่คือ ราคายางใหม่ ดังนั้นจะเอาราคายางเก่า 9 ปีที่เสื่อมสภาพแล้วจะนำมาเปรียบเทียบกันกับราคายางใหม่ แล้วกล่าวหาว่า รัฐเสียประโยชน์ และเป็นการทุบราคายาง ไม่น่าจะถูกต้อง
คิดง่ายๆ รถยนต์ใหม่ป้ายแดง กับรถยนต์เก่า 9 ปีที่ขับไม่ได้ จะขายในราคาเท่ากันหรือไม่? และเมื่อขายรถยนต์เก่าในราคาถูก จะเป็นการทุบราคารถยนต์ใหม่...ใช่หรือครับ?
นอกจากนี้ในการประมูลขายยางในสต๊อกครั้งที่ 3 ยังได้กำหนดให้บริษัทผู้ชนะการประมูลต้องดำเนินการชำระเงินทั้งหมดให้แก่ กยท. ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 และดำเนินการรับมอบยางให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 หากพ้นจากระยะเวลาที่กำหนด ผู้ชนะการประมูลต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด พร้อมยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า บริษัทผู้ประมูลยางได้ต้องซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางอีก 1 เท่าของปริมาณยางที่ประมูลได้ ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบที่จะนำมาเป็นข้ออ้างกดราคารับซื้อยางในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่จะมียางใหม่ออกสู่ตลาดจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะได้บริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตและแปรรูป ตลอดจนมีความเข้มแข็งทางการเงินพอเพียง เพื่อการันตี
ว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้กับรัฐ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.จึงได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะประมูลด้วยว่าจะต้องเคยร่วมประมูลซื้อยางที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทกับ กยท. และโรงงานต้องมีปริมาณการผลิตและแปรรูป มากกว่า 200,000 ตัน ในปี 2563 ตลอดจนต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 200 ล้านบาท พร้อมให้ยืนหลักฐานแสดงความสามารถในการชำระเงิน หรือหลักฐานที่ธนาคารรับรองไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
หลังจาก บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูล ราคายางใหม่ในตลาดไม่ได้ลดลงเลย ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในเดือนพฤษภาคม 2564 ราคาเฉลี่ย 68.27 บาท/กก. ในเดือนมิถุนายน 2564 ราคาเฉลี่ย 61.48 บาท/กก. ราคายังอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับก่อนที่จะเปิดประมูลยาง แสดงว่า การประมูลยางเก่าในสต๊อกครั้งนี้ไม่มีผลต่อราคายางใหม่ในตลาด
ราคายางเริ่มลดลงในเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 ซึ่งน่าจะมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ค่อนข้างรุนแรง ประกอบกับยางใหม่เริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ Demand กับ Supply
ก่อนหน้านี้ นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้วิเคราะห์ไว้ว่า ในช่วงนี้ของทุกๆปี ผลผลิตยางจะออกสู่ตลาดค่อนข้างมากอยู่แล้ว ราคายางจึงจะลดลงบ้าง แต่ปีนี้ปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อราคายางน่าจะมาจากสถานการณ์การระบาดขอโควิด-19 ที่รุนแรง ทำให้ตลาดยางยังมีความกังวล แต่ถ้ามองในระยะยาวการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ความต้องการใช้ยางจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผนวกกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะ 3 มาตรการสนับสนุนการทำสวนยางแบบผสมผสาน และมาตรการอื่นๆของรัฐบาลแล้ว ราคายางในอนาคตน่าจะสดใสอย่างมีเสถียรภาพ
หากพิจารณาวิเคราะห์ให้ดีๆแล้ว ถ้ากยท.ไม่ตัดสินใจขายยางเก่าในสต๊อกในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาราคายางในปัจจุบันอาจจะต่ำกว่านี้อย่างแน่นอนเพราะต่างชาติคิดว่า ยังมียางในสต๊อก แล้วก็จะกดราคารับซื้อ ยางใหม่ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงนี้....ราคายางแผ่นรมควันอาจจะต่ำกว่า40 บาท/กก.ก็เป็นไปได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี