นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายพงศธร ศิริอ่อน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา กรมชลประทาน ในฐานะประธานคณะทำงานศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำท่าจีน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา นายยงยส เนียมทรัพย์รอง ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 11 รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 11 นายประยูร เย็นใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน พร้อมด้วย ผอ.โครงการชลประทานเขตทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง ฝั่งตะวันตก และทุ่งฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ พร้อมรายงานสถานการณ์ลุ่มน้ำท่าจีน การบริหารจัดการน้ำทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันตก ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโพธิ์พระยา ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
จากนั้น นายประพิศ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา ประตูระบายน้ำแม่หม้าย และประตูระบายน้ำบางเลน พร้อมหารือร่วมกับผู้นำชุมชน และสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำส่วนเกินออกให้เร็วที่สุด เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติควบคู่กับการบริหารจัดการน้ำที่คงเหลืออยู่เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำท่าจีนที่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล ให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมด 14,837 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ประมาณ 8,141 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 45 ปัจจุบันได้ระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 11 ทุ่งแล้ว รวมประมาณ 1,335.58 ล้าน ลบ.ม. โดยทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง ฝั่งตะวันตก ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 413 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 143 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำสายหลักและอ่าวไทย ทั้งนี้ คงเหลือปริมาณน้ำในทุ่งเพื่อให้เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง คาดว่าจะสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ ดำเนินการบริหารจัดการน้ำให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว เน้นย้ำให้เร่งทำการระบายน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่ ด้วยการระดมทรัพยากร เครื่องจักร เครื่องมือที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนพร้อมกับเน้นย้ำให้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับแนวทางตามวิถีชีวิตของชุมชน พร้อมเดินหน้าประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงรวมไปถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วนด้วย