สธ.แถลงสถานการณ์โควิดกลายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลกว่า ยังไม่พบเชื้อดังกล่าวในไทย อย่าเพิ่งตื่นตระหนก แต่ยอมรับว่าผลปฏิบัติการทางแลบต่างประเทศไม่เคยพบมาก่อน เชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนนี้ มีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิจากวัคซีนได้ และกระจายเชื้อได้รวดเร็วและระบาดได้ง่ายกว่าเดิม
27 พ.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงมาตรการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ว่า องค์การอนามัยโลกได้จัดอันดับสายพันธุ์ไวรัสโควิดออกเป็น สายพันธุ์ที่น่ากังวล Variant of Concern ( VOC) มี 4 ตัว คือ อัลฟา เดลตา เบตา แกมมา โดยวันนี้ เดลตามีสัดส่วนมากที่สุด และสายพันธุ์ที่น่าสนใจ หรือ Variance of Interest (VOI) ซึ่งมีแลมป์ดา กับมิว แต่ตอนนี้ไม่ได้มีบทบาทมากนัก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สธ.ประกาศด่วน! ห้าม 8 ประเทศจากแอฟริกาเข้าไทยสกัดโควิดโอไมครอน)
ทั้งนี้ ล่าสุดมีสายพันธุ์น้องใหม่ที่ต้องติดตามใกล้ชิด ซึ่งองค์การอนามัยโลก ได้ยกชั้นให้เป็นสายพันธุ์น่าห่วงกังวล โดยเดิมถูกจัดเป็น B.1.1.529 และให้ชื่อว่า โอไมครอน (Omicron) สายพันธุ์นี้เพิ่งพบเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2564 จากประเทศบอสวานา และพบใน 5-6 ประเทศใกล้ๆ กัน อีกทั้งตรวจเจอในฮ่องกง เบลเยียม อิสราเอ ที่สำคัญตรวจพบในบางคนที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว ซึ่งทราบอยู่แล้วว่า วัคซีนไม่ได้การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อ
"เป็นที่ชัดเจนว่า เชื้อกลายพันธุ์ B.1.1.529 นี้ เป็นเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ อีกชนิดหนึ่งจากพ่อแม่สายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่น ไม่ได้แตกย่อยมาจากเชื้อกลายพันธุ์ที่เคยมีแต่อย่างใด โดยองค์การอนามัยโลกได้ขอความร่วมมือให้ทุกประเทศส่งข้อมูลการตรวจวิเคราะห์เชื้อ ส่วนของไทยได้มีการตรวจโฮจีโนม 7,000 กว่าตัวอย่าง ยังไม่พบเชื้อโอไมครอนในไทย โดยในการระบาดของไทยส่วนใหญ่ยังเป็น เดลตา ซึ่งจะตรวจต่อเนื่อง โดยที่ทำให้ทั่วโลกน่ากังวล คือ เมื่อมีการวิเคราะห์ตรวจเชื้อในแลบ พบว่า ไวรัสชนิดนี้มีการกลายพันธุ์มากกว่า 32 ตำแหน่งในหนามโปรตีนสำคัญ (spike protein) ซึ่งไม่เคยพบมาก่อน และจากความเข้มข้นของเชื้อที่มีการตรวจพบในแลบต่างประเทศ ก็ทำให้พอจะบอกว่าได้ว่า เชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนนี้ จะมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิจากวัคซีนได้ และกระจายเชื้อได้รวดเร็วและระบาดได้ง่ายกว่าเดิม" นายแพทย์ศุภกิจ ระบุ
อย่างไรก็ตามขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพราะยังคงต้องรอข้อมูลมากกว่านี้ให้พอสรุปได้ว่าส่วนที่มีการกลายพันธุ์นี้จะส่งผลอย่างไร ซึ่งต้องติดตามใกล้ชิด แต่ย้ำว่า การรักษามาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก แม้ได้รับวัคซีนแล้วยังคงจำเป็น พร้อมย้ำว่าไวรัสโอไมครอน ยังสามารถตรวจพบเชื้อได้จากการตรวจด้วยวิธี Rt-PCR ทำให้ระบบเฝ้าระวังจะยังมีประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อ
ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่พบเชื้อกลายพันธุ์ที่รุนแรงในแถปแอฟริกาใต้บ่อย เนื่องจากพบว่า อัตราการได้รับวัคซีนของประชากรของเขายังน้อย ทำให้ยิ่งเห็นความสำคัญของการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด แม้จะป้องกันการติดไม่ได้เต็มร้อยแต่ก็ช่วยลดความรุนแรงได้ ส่วนของไทยเชิญชวนผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน เข้ารับวัคซีนเข็มแรก ส่วนผู้ที่ฉีดไปแล้ว 2 เข็ม สธ. ได้เตรียมบูสเตอร์โดสไว้ให้ทุกคนแล้ว ขอให้มั่นใจและที่สำคัญคือรักษามาตรการป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี