nn วันนี้การประกอบอาชีพผิดกฎหมายทางโลกโซเชียลมีขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งการหลอกลวงชักชวนหว่านล้อมให้เหยื่อหลงเชื่อและการขายสินค้าให้โอนเงินก่อน แต่คนขายไม่ยอมส่งสินค้าให้ หรือส่งให้แต่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมตลอดสารพัดกลโกง ในขณะหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างตำรวจเมื่อเกิดคดีขึ้นหลายที่หลายแห่งก็แบ่งรับแบ่งสู้ (ไม่อยากจะทำ) ซึ่งไม่ทราบเพราะเหตุใด ซึ่งถ้าตำรวจคนไหน (พนักงานสืบสวนสอบสวน) มีพฤติกรรมอย่างนี้ นอกจากเป็นกรรมของประชาชนแล้ว เห็นที่บ้านเมืองไม่จำเป็นต้องมีตำรวจเอาไว้อีกต่อไปก็ได้ ปล่อยให้ชาวบ้านตามล้างตามเช็ดกันเองดีกว่า...
nn ปรากฏการณ์ดังกล่าวเชื่อแน่ว่าเรื่องที่ค้างคาอยู่บนโรงพักหลายแห่งมีอยู่เพียบ และแน่นอนถ้ายังไม่เป็นคดี เรื่องดังกล่าวก็หลุดรอดเป็นอาหาร “สัตว์เศษมนุษย์” ที่เอาเปรียบมนุษย์ด้วยกันเองลักษณะย่ามใจต่อไปอีกไม่จบสิ้น เพราะหากยังไม่เป็นคดีอายุความ 3 เดือนก็หมดลง นับว่าเป็นประเด็นที่สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้กับประชาชนคนเดือดร้อนสาหัสสากรรจ์แสนทรมานยิ่งทีเดียว...
nn ไม่น่าเชื่อในส่วนเหตุการณ์ที่ประชาชนไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้ โดยที่ตำรวจลงรายละเอียดเสร็จสรรพเรียบร้อย เชิงทำนองจะส่งหนังสือไปอายัดบัญชีธนาคาร “มารสังคม” กลุ่มนี้ก็กระทำสุดประหลาดไม่เคยพบเคยเห็น คือ พนักงานสอบสวนเสนอให้ผู้เสียหายช่วยนำหนังสืออายัดบัญชีธนาคารของโจรอุบาทว์ไปยื่นธนาคารเอง แถมยังพูด “สุดซึ้ง” ว่าถ้าอยากให้ทุกอย่างเร็วก็ให้ผู้เสียหายไปขอให้ตำรวจ “ไซเบอร์” ตรวจสอบจะดียิ่ง วลีคำพูดเช่นนี้ถามว่ามันใช่หรือ วลีคำพูดนี้มันถูกต้องแล้วหรือ นี้มันแลดูเหมือนตำรวจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับหลักการสืบสวนสอบสวนเลย (ไม่ใช่ตำรวจที่เขาเป็นตำรวจด้วยหัวใจพิทักษ์สันติราษฎร์)...
nn เหตุการณ์ความเดือดร้อนที่ น.ส.รำไพ อายุ 35 ปี แจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.บางเขน ถูก “มารสังคม” ล่อลวงชักจูงให้หลงเชื่อเล่นแชร์กันทางเฟซบุ๊ค ท่ามกลางที่ผู้ถูกหลอกลวงออนแอร์ต่อวิธีการอันสกปรกแยบยล จนสุดท้ายก็โอนเงินให้กันดุจถูกมนต์สะกด เพราะเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าแชร์นั้นมีอยู่จริง สูญเงินไปเกือบ 300,000 บาท จนรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงไปแจ้งความให้ดำเนินคดี ไปแจ้งที่สถานีตำรวจร่มเกล้าไม่รับแจ้ง อ้างว่า เหตุเกิดที่ไหนแจ้งที่นั่นซึ่งตำรวจสน.ร่มเกล้า คงไม่แตกฉานเรื่องข้อกฎหมาย หรือไม่ก็ไม่อยากรับแจ้งความ ในข้อเท็จจริงเหตุการณ์อย่างนี้แจ้งที่ไหนโรงพักใดทั่วประเทศได้หมด แถมหนังสือจากสำนักงานตำรวจก็ทุบโต๊ะเตือนสติห้ามมิให้ตำรวจปฏิเสธรับแจ้งความไว้ชัดเจน แต่สุดท้ายหนังสือดังกล่าวพนักงานสอบสวนไม่สนใจ และไม่แยแส แล้วอย่างนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะว่ากันอย่างไร หรือว่าปล่อยเลยตามเลยเป็น “คลื่นกระทบฝั่ง”...
nn สุดท้ายแจ้งได้ที่เดียวคือ สน.บางเขน แต่ถึงวันนี้เรื่องยังไม่คืบทั้งๆ เลขบัญชีการโอนๆ ไปไหน ให้ใคร บัตรประชาชนการันตี หลักฐานชัดเสียยิ่งกว่าชัด ทว่าจากวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ถึงปัจจุบันเรื่องยังไปไม่ถึงไหน แล้วจะให้ประชาชนเขามีความสุขรู้สึกพึ่งพาตำรวจได้อย่างไร ถ้าตรวจสอบเสียทันทีทันใดคนร้ายนักต้มตุ๋น
เศษสวะมารสังคมพวกนี้ไม่มีโอกาสลอยนวลหลุดรอดได้เลย ยิ่งกว่านั้น“มารสังคม” พวกนี้ยังกล้าติดต่อทางไลน์เข้ามาอีกว่าคดีนี้อย่างดีก็แค่ชดใช้ ช่างกล้าหาญอวดเก่งเยาะเย้ยเหมือนมีคนรู้กฎหมายสมคบคิดกันหากินอย่างไรอย่างนั้น แต่อยากบอกว่าส่ิงที่อุบัติเป็นความผิดทางเฟซบุ๊คที่ยอมความไม่ได้ ขอจงอย่าอวดโง่อีกเลย...nn
ไผ่ฎำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี