นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ช่วงอากาศหนาวเย็นทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบางพื้นที่ประสบปัญหาต้นหม่อนขาดน้ำ ต้นหม่อนคายน้ำมากทำให้การเติบโตชะงัก ปริมาณหม่อนไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงไหม จึงควรมีการดูแลแปลงหม่อนอย่างสม่ำเสมอ ใส่อินทรียวัตถุและปุ๋ยคอกเพื่อให้ดินร่วน น้ำสามารถซึมลงผิวดินและซับน้ำได้ดี ใช้วัสดุคลุมผิวดินรักษาความชื้น ป้องกันความร้อนจากแสงแดด อาทิ ฟางข้าว เปลือกถั่ว ซังข้าวโพด แกลบดิบ เป็นต้น ส่วนการให้น้ำต้นหม่อนควรให้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งโดยเปิดร่องปล่อยน้ำเข้าแปลง หรือใช้ระบบสปริงเกอร์ ควรทำแนวป้องกันไฟรอบๆ แปลงหม่อน และควรหมั่นสำรวจแปลงหากพบการระบาดของโรคต่างๆ ให้เก็บใบและตัดกิ่งหม่อนที่เกิดโรคเผาทำลายเพื่อป้องกันการระบาดของโรค
สำหรับการเลี้ยงไหมในฤดูหนาว สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและความชื้น เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของหนอนไหม เกษตรกรควรเลี้ยงไหมให้เหมาะสมตามสภาพอากาศและความชื้น โดยนำเตาถ่านก่อไฟที่หมดควันแล้วตั้งในห้องเลี้ยงไหมและวางกะละมังหรือถังที่มีน้ำสะอาด เพิ่มอุณหภูมิและความชื้นให้สูงขึ้น ปิดหน้าต่างและประตูหรือคลุมห้องเลี้ยงไหมให้มิดชิด ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดคลุมใบหม่อนเพื่อไม่ให้แห้งเกินไป แต่หากอากาศเย็น ความชื้นสูง นอกจากเตาถ่านก่อไฟที่หมดควันแล้ว การให้ปริมาณใบหม่อนที่ใช้เลี้ยงในแต่ละมื้อก็ควรให้พอดีหรือใกล้เคียงกับความต้องการของหนอนไหม โรยแกลบเผาหรือปูนขาวในช่วงไหมนอน และเก็บใบหม่อนในสภาพที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีและไม่อับชื้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี