กมธ.วุฒิฯถกคดี‘แตงโม’
‘สมชาย’ขอให้ 5 คนบนเรือ
ยอมเข้าเครื่องจับเท็จพิสูจน์
ทนายคาดตร.สรุปคดีมี.ค.นี้
“พญ.คุณหญิงพรทิพย์” แจง “ทนายรณณรงค์” ขอโทษแล้ว ปมเสนอข้อมูลผิดพลาด ชี้ถ้าได้ทำงานกับ พงส.จะได้คำตอบมากขึ้นด้าน กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา เรียกหน่วยงานต่างๆ ชี้แจง เสนอประเด็นสอบเพิ่มให้กระจ่าง ขอให้พา 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ ขณะที่ “ทนายเดชา” คาดตำรวจสรุปคดีไม่เกินเดือนมีนาคมนี้
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ภัทรธิดา หรือนิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวชื่อดัง อายุ37 ปี พลัดตกเรือสปีดโบ๊ท จมแม่น้ำเจ้าพระยา เสียชีวิต โดนพบศพในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ใกล้ท่าเทียบเรือพิบูลสงคราม 1 จ.นนทบุรี ภายหลังไปลงเรือกับ นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวและนายวิศาพัช มโนมัย หรือแซน สาวประเภทสองที่อ้างว่าดาราสาว ปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนจะพลัดตกท่ามกลางข้อสงสัยที่เกิดขึ้นมากมาย ว่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวก่อนประชุมกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ว่าจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า จะรายงานผลการลงพื้นที่สังเกตการณ์การชันสูตรศพแตงโม รอบ 2 ว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมส่วนกรณีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ซึ่งกล่าวในรายการทนายคู่ใจ เรื่องหยดเลือดพลิกคดีเป็นฆาตกรรม มีการพาดพิงตนนายรณณรงค์ ได้ขอโทษและชี้แจงแล้วว่าเป็นการคุยกับคนรู้จัก ไม่คิดว่าจะมีการนำคลิปไปลงในยูทูปส่วนกรณีที่แพทย์ผู้ชันสูตรศพไม่กล้าออกมาแถลงความชัดเจน อาจเป็นเพราะสังคมตั้งแง่ว่าไม่น่าเชื่อถือ ตนจึงแถลงในประเด็นที่สังคมยังสงสัย ซึ่งแพทย์นิติเวชชุดแรกตรวจค่อนข้างสมบูรณ์ การพูดครั้งนี้เพื่อประสานไปยังพนักงานสอบสวน หากได้ทำงานร่วมกันก็อาจจะตอบคำถามหลายๆ อย่างได้มากขึ้น สำหรับประเด็นที่สงสัยว่าถูกทำร้ายนั้นไม่มีการถูกทำร้าย แต่ยังคงหาคำตอบว่าต้นเหตุของการตกน้ำและแผลเกิดจากอะไร
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ยังไม่มีการสรุปชี้ชัดว่าเป็นฆาตกรรม หลักฐานที่ใช้ประกอบกันคือศพ หลักฐานที่เรือ รวมถึงคำให้การบุคคลทั้ง 5 คนบนเรือ และหลักฐานในที่ต่างๆ ด้วย คดีนี้แม้จะมีหลักฐานเยอะ แต่อยู่ที่การประมวลหลักฐานว่าจะสรุปอย่างไร เรื่องบาดแผลแพทย์ผู้ชันสูตรยืนยันว่าเกิดก่อนเสียชีวิต สิ่งที่ต้องยืนยันคือเกิดขึ้นก่อนตกน้ำหรือตกน้ำไปแล้ว ต้องปล่อยให้เป็นการสืบสวนของตำรวจ และการที่ตนถูกพาดพิง โจมตีเรื่องร่วมสังเกตการณ์ในการชันสูตรศพก็รู้สึกชินแล้ว ไม่ได้สนใจ ยืนยันว่าจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้ความจริงปรากฏ
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ในฐานะประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ กล่าวว่า มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีแตงโม อาทิ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี , ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 , ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ , ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี โดยมีนายศตวรรษ เศรษฐการ มาร่วมสังเกตการณ์ในฐานะตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจจากครอบครัวแตงโม ซึ่งประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติหรืออยู่ในสำนวนสอบสวน กมธ.อนุญาตให้ไม่ต้องชี้แจง และทาง กมธ.มีประเด็นฝากไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในการสอบปากคำเพิ่มเติมพยานบุคคลโดยเฉพาะ5คนบนเรือลำเกิดเหตุที่คิดว่ายังไม่ครอบคลุม
“ผมเสนอให้ใช้เครื่องจับเท็จทั้ง5คน เพราะการให้การที่ขัดกันพิสูจน์ได้ด้วยนิติวิทยาศาสตร์ คือเครื่องจับเท็จ อาจมีคนรู้ความจริงแล้วพูดไม่หมด หรือโกหก ขอเรียนว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ขณะนี้มี2คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ที่เหลืออีก3คน อาจรู้ความจริง หรือได้รับคำแนะนำจากทนาย ก็ขอย้ำว่ามีความผิดฐานมีส่วนรู้เห็นในคดีด้วย” นายสมชาย กล่าวและว่า ขอให้พิสูจน์หลักฐานตรวจเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อให้สิ้นสงสัย ซึ่งข้อสงสัยหลายประการอาจทำให้คดีรัดกุมมากขึ้น หรืออาจทำให้มีการขยายผลให้บางเรื่องไม่จบ จึงเป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา มารดาของแตงโม เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนคดีแตงโม ได้สอบสวนคดีคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าจะปิดคดีได้ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ตนทราบว่าทางพนักงานสอบสวนมีการประชุมติดตามความคืบหน้าโดยตลอด หากไม่มีพยานหลักฐานใหม่ หรือผลตรวจพิสูจน์บ่งชี้ใหม่ ทิศทางของสำนวนน่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุ เป็นความประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ในอนาคตอาจเห็นเป็นอย่างอื่นได้ ถ้ามีพยานหลักฐานไปถึง ส่วนกรณีที่นางภนิดา ยังสงสัยไม่ว่าจะเป็นกรณีการสลับเรือลำเกิดเหตุ หรือคราบเลือด รวมทั้งบาดแผล ก็ได้เคลียร์ให้นางภนิดา เข้าใจแล้ว
นายเดชา กล่าวถึงกรณีนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความของนางภนิดา เข้าไปช่วยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศิวิไลย์ในการหาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีนี้ ว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายกฤษณะแล้ว ทั้งสองทำในนามอิสระ และนางภนิดา ขอใบแต่งตั้งทนายคืนจากนายกฤษณะ จะได้ไปทำอะไรได้เต็มที่ ไม่เกี่ยวกับคดีสำหรับเรื่องทัวร์ลงเพจทนายคลายทุกข์ฯ ของตนนั้น ก็โดนทัวร์ลงหลายครั้งแล้ว แต่ยืนยันว่าคงไม่ฟ้องคนที่มาด่าตน
นายเดชา กล่าวอีกว่า คดีนี้ยุ่งยากเพราะมีนักกฎหมายเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก มีแหล่งข่าวเชิงลึกระบุว่าตั้งแต่ช่วงหลังเกิดเหตุ มีนักกฎหมายแนะนำกลุ่มคนที่อยู่บนเรือว่าอย่าเพิ่งเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ให้พบทนายความก่อน ทำให้คำพูดของผู้ต้องหาเปลี่ยนไป ซึ่งข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของทั้ง 5 คน ตำรวจมีทั้งหมด จึงรู้ว่ามีการนัดหมายทนาย 3 กลุ่ม กลุ่มแรกที่ปั๊มน้ำมัน กลุ่ม 2 ที่ จ.ราชบุรี และกลุ่ม 3 ที่ร้านอาหารสุขุมวิท เหตุที่ไปหาทนายก่อน และไปหาทนายหลายคน เพราะไม่อยากติดคุก คดีนี้ถ้าคนบนเรือไม่ได้ไปหาทนายก่อน คดีน่าจะจบไปแล้ว ซึ่งจริงๆ คดีประมาททำให้ผู้อื่นตาย ถ้ามีการเยียวยา รับสารภาพ แม้ศาลสั่งจำคุก แต่ก็คงรอการลงโทษ การไปหาทนายความหลังจากเกิดเหตุ ทำให้คนคิดไปได้ว่ามีความน่าสงสัย และทำให้คดีเกิดความยุ่งยากถึงทุกวันนี้
ขณะที่ นายดายศ เดชจบ พี่ชายของแตงโม ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากคดีของแตงโม ผ่านมาเกือบ 1 เดือนเต็มแล้ว ว่า สุดท้ายแล้วถ้าความยุติธรรมที่เราหวังไว้มันจะไม่เกิดขึ้นจริงก็ขอให้เขาได้ตายๆ ตามกันไปกับความยุติธรรมเราที่หวังไว้ทั้งหมดกับทุกๆ คน ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ชาวเน็ตต่างแห่เข้ามากดไลท์ข้อความในเฟซบุ๊กดังกล่าว พร้อมกับแสดงความคิดเห็นและแชร์โพสต์เป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี