พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุมมอบนโยบาย ขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยคณะกรรมการลุ่มน้ำ และการอบรม “คณะกรรมการลุ่มน้ำและเครื่องมือขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำทั่วประเทศ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ และหน่วยงานท้องถิ่น รวมมากกว่า 1,200 คน ว่า ปัจจุบันเรามีคณะกรรมการลุ่มน้ำครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำแล้ว ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ทรงคุณวุฒิ และองค์กรผู้ใช้น้ำ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคพาณิชยกรรม
ทั้งนี้คณะกรรมการลุ่มน้ำถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถสะท้อนแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำตั้งแต่ระดับพื้นที่ ระดับลุ่มน้ำ จนถึงระดับประเทศสอดคล้องตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำพ.ศ. 2561 ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้สัมฤทธิผลโดยเร็ว ทำให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำของประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการลุ่มน้ำเร่งดำเนินการจัดทําแผนแม่บทลุ่มน้ำให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปียุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ
โดยบูรณาการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมจัดทําแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้งและน้ำท่วม ตลอดจนบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะน้ำท่วมโดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการจัดทำระบบเตือนภัยน้ำท่วม ให้มีความเหมาะสมสอด คล้องกับสภาพอากาศและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและเตรียมการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ คณะกรรมการลุ่มน้ำยังต้องให้ความเห็นต่อแผนงานและโครงการที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 6 ด้าน และแผนพัฒนาจังหวัด โดยใช้เครื่องมือกลไกระบบบูรณาการแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ(Thai Water Plan: TWP) รวมทั้งดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงานด้านน้ำและกรมประชาสัมพันธ์ ในการส่งเสริมและรณรงค์การสร้างจิตสํานึกให้กับประชาชนในเรื่องทรัพยากรน้ำทุกด้าน