นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 43,282 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ19,344 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้32,803 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน
ประมาณ 10,076 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้3,380 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้อีก 14,795 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาในการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งแล้ว พบว่าทั้งประเทศมีการใช้น้ำเกินแผนเพียงเล็กน้อย จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำ ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้การใช้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และเพียงพอตลอดฤดูแล้งที่ผ่านมา หลังจากนี้จะเป็นการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนั้นให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ให้บริหารจัดการน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดและสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงปริมาณ เวลา ผลกระทบ ความมั่นคงของอาคารชลประทาน และระเบียบกฎหมาย เป็นหลัก