‘อนุทิน’ประกาศความสำเร็จ
กระหึ่ม!บุรีรัมย์
ปชช.ร่วมงานกัญชากว่า3หมื่น
ตั้งเป้าขายทั่วโลกโกยเงินเข้าปท.
คาดปี’68มูลค่าพุ่ง1.5หมื่นล้านบาท
คนแห่เข้าแอปฯปลูกกัญ23ล้านครั้ง
เปิดงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” ผู้ว่าฯบุรีรัมย์-ปลัด สธ.ขานรับนโยบายปลดล็อกกัญชา คาดปี’68มูลค่าพุ่ง1.5หมื่นล้าน“อนุทิน”ลงพื้นที่“บุรีรัมย์”ประชาชน3หมื่นแห่ต้อนรับ ประกาศความสำเร็จ พรรคภูมิใจไทย ผลักดันนโยบายกัญชา เผยเสียงตอบรับถล่มทลาย มีการเข้าแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์“ปลูกกัญ”รอบ24ชั่วโมงมากถึง23ล้านครั้งด้าน“มนัญญา”เผยกระทรวงเกษตรฯ แจกกัญชาครัวเรือนละ2ต้น เปิดลงทะเบียน16มิ.ย.ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทั่วปท.-ช่องทางออนไลน์
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.
โดยมี นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์, นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข, นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.), พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย คณะรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร ผู้ตรวจการ กระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ร่วมด้วย
คาดสร้างมูลค่าการตลาดมหาศาล
เวลา 10.00 น. ได้มีการฉายวีดิทัศน์ “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” เนื้อหาบอกเล่าถึงการปลดล็อกกัญชาโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น ‘ปลูกกัญ’ โดยขั้นตอนคือ 1.ลงทะเบียน 2.แจ้งวัตถุประสงค์ และ 3.รับเอกสารจดแจ้ง เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการเชื่อมโยงทางการแพทย์ และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชา ไปจนถึงมูลค่าการตลาด ในปี 2564 มูลค่า 600 ล้านบาท โดยคาดว่าปี 2568 จะเพิ่มขึ้นกว่า 15,000 ล้านบาท ทั้งยังมีส่วนช่วยในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารโรงพยาบาลจากทั่วประเทศ กลุ่มแพทย์ และ อสม. เดินทางมาร่วมรับนโยบายปลดล็อกกัญชา บนสแตนด์สนามช้างฯ เซอร์กิต ซึ่งมีผู้มาร่วมงานล้นหลาม ทะลุ 30,000 คน
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์กล่าวต้อนรับ
ต่อมา นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต้อนรับว่า ในนามชาว จ.บุรีรัมย์ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้เสียสละเวลา เดินทางมาที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งนี้ จ.บุรีรัมย์ ได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการทำให้นโยบายของกระทรวงสาธารณสุขบรรลุเป้าหมาย ใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเราดำเนินนโยบายให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพร รักษาโรคบางโรค ทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ด้วยการปลูกและนำไปใช้ ขาย
ปลัดสธ.รายงานวัตถุประสงค์
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวรายงานวัตถุประสงค์และแนวทางการจัดงานว่า หลังจากประเทศไทยเปิดโอกาสให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2562 กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในเรื่องนี้ได้มีการติดตามประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยากัญชาในการรักษาโรคต่างๆ การเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ของประชาชน มีการเปิดคลินิกกัญชาในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงการติดตามเรื่องความกังวลของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการส่งผลต่อจิตประสาท หรือการเสพติดนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้มีระบบการรักษาและกำกับติดตามผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยากัญชามากขึ้น และมีความปลอดภัยสูง
เน้นให้ความรู้ความใจเข้าปชช.
นอกจากนี้ การให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ จะเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญในการทำให้กัญชาถูกใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง จึงกำหนดให้มีการจัดประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ขึ้นใน 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ ในงานนี้มีการประชุมวิชาการทั้งภาคประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด
ดำเนินการทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ
การดำเนินงานของเขตสุขภาพที่ 9 ซึ่งประกอบไปด้วย จ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์ และชัยภูมิ เป็นเขตสุขภาพที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนกัญชาเสรีทางการแพทย์ โดย นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 และนายแพทย์สาธารณสุขทั้ง 4 จังหวัด มีการดำเนินการทั้งในส่วนต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในส่วน ต้นน้ำ มีการปลูกกัญชาถึง 53 แห่ง ปลูกกัญชงถึง 93 แห่ง, กลางน้ำ มีโรงพยาบาล GMP คือโรงพยาบาลคูเมือง ที่มีศักยภาพผลิตยากัญชา ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย เพื่อสนับสนุนทั้งเขตสุขภาพที่ 9 และเขตสุขภาพอื่นๆ ด้วย ส่วน ปลายน้ำ สามารถเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลภาครัฐครบทุกแห่ง คลินิกกัญชาทางการแพทย์ภาคเอกชน 9 แห่ง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยากัญชาทั้งแผนไทย แผนปัจจุบัน
ขยายไปถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขยายไปถึงการขับเคลื่อนถึงเศรษฐกิจ การพัฒนานำไปผสมในอาหาร เช่น ลูกชิ้นยืนกินของ จ.บุรีรัมย์, หมี่โคราชของ จ.นครราชสีมา, กาละแมของ จ.สุรินทร์, หม่ำของ จ.ชัยภูมิ เพื่อเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์ของดีของแต่ละจังหวัด นอกเหนือจากการประชุมวิชาการแล้ว ยังมีนิทรรศการความรู้ที่มีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีผลงานโดดเด่นมาร่วมจัดแสดงให้ประชาชนได้เห็น สัมผัส ชิม และลงมือทำ
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า “สถาบันกัญชาทางการแพทย์” จะประสานให้มีการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางสุขภาพ ประชาชนสามารถมาสอบถามเรื่องการรักษา และการต่อยอดทางเศรษฐกิจได้ “สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา” มาเปิดบริการให้คำปรึกษาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการขออนุญาตการปลูกเชิงพานิชย์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการเปิดตัวการใช้แอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ซึ่งเป็นการรับจดแจ้งสำหรับประชาชนที่ประสงค์ปลูกกัญชา “กรมการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก” จัดนิทรรศการการรักษาด้วยยากัญชา พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องโรคและยากัญชา
ให้คำปรึกษา-ความรู้เรื่องกัญชา
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า “กรมสุขภาพจิต” ให้คำปรึกษา ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย “กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์” ให้ความรู้เรื่องสายพันธุ์กัญชา การตรวจวิเคราะห์สารต่างๆ ยังมีหน่วยงานจากกระทรวงอื่นๆ เช่น กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมให้ความรู้ในการปลูกกัญชากัญชง “สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ” จะนำหลักสูตรการอบรม การแปรรูปกัญชามาจัดแสดง ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้ภายในงาน “คลินิกกัญชาทางการแพทย์” ในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้โดยตรง รวมทั้งการจัดบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ให้ผู้ป่วยมาตรวจรักษาและรับยากลับบ้าน
“อนุทิน”ประกาศความสำเร็จ
จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวบุรีรัมย์ที่ทำให้นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของพรรคภูมิใจไทยเมื่อ 4 ปีก่อนได้เกิดขึ้นจริง พร้อมย้ำว่า อย่าไปพูดเรื่องปลูก 6 ต้น เพราะกฎหมายล่าสุด เปิดโอกาสให้ได้มากกว่านั้น เพียงแต่ต้องจดแจ้งให้ถูกต้อง สำหรับชาวบุรีรัมย์ ที่เลือกพรรคภูมิใจไทยมาแบบยกจังหวัด การที่เราเคยชูนโยบายเรื่องกัญชา แล้วชาวบุรีรัมย์ เลือกกันเข้ามาแบบแลนด์สไลด์ มันได้เป็นคำสั่งจากชาวบุรีรัมย์ และประชาชน ว่าต้องทำให้นโยบายนี้เกิดเป็นรูปธรรมเพื่อพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ทั้งในเรื่องของสุขภาพ และการทำมาหากิน หลังจากกฎหมายบังคับใช้ เราได้มาที่จังหวัดนี้เป็นจังหวัดแรก นี่คือการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ก้าวต่อไป คือ การทำให้กัญชาไทย กลายเป็นสินค้า ส่งขายทั่วโลก ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศไทย
ย้ำต้องใช้อย่างถูกต้อง
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า แน่นอนว่า มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อนโยบาย ก็ขอให้พี่น้องประชาชน ไปจนถึง อสม.ช่วยทำความเข้าใจเรื่องหลักการใช้ ให้ใช้อย่างถูกต้อง อย่าพากัญชากลับไปเข้าซอยเดิม อย่าไปใช้ในทางที่ผิด ในทางมอมเมา หรือทำแล้วนั่งอมยิ้มทั้งวันไม่ทำมาหากินอะไรและขาดสติ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่นโยบายกัญชา นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะผลักดันเลย ขอให้พี่น้องพิจารณากันให้ละเอียด ว่าแต่ละคนมีจุดประสงค์อย่างไร แต่พรรคภูมิใจไทย และตน และกระทรวงสาธารณสุข ไม่สนับสนุน ให้ใช้ในทางที่ผิดแน่นอน นโยบายกัญชา เคยอยู่ในกรงขัง เอาออกมาแล้ว ก็อย่าเอากลับเข้าไปอีก ถึงเวลาแล้วที่เราต้องไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางภูมิปัญญาของไทย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมียาเข้าตำรับกัญชา 8 สูตรถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่อยู่ในคลินิกกัญชาซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นหากกัญชาไม่มีประโยชน์ยาเหล่านี้ก็จะไม่สามารถขึ้นบัญชียาหลักได้อย่างแน่นอน
เข้าแอปฯ-เว็บฯแล้ว23ล้านครั้ง
“นโยบายกัญชา ได้รับความสนใจอย่างมี มีคนเข้าแอปฯ และเว็บฯ ปลูกกัญไปแล้ว 23 ล้านครั้ง ได้รับการอนุมัติให้จดแจ้งปลูกในครัวเรือนได้แล้ว 3.5 แสนราย ผมขอย้ำว่า มันมีคนเป็นห่วงในเรื่องว่า จะมีการใช้ไปในทางลบ ผมมั่นใจว่า ก่อนที่จะมีกฎหมาย ก็มีการใช้ผิดซอยอยู่แล้ว คือ มันมีพวกที่ไม่เห็นคุณค่าของกัญชาเพียงกลุ่มเดียว แล้วเราจะเป็นต้องเลิกทุกอย่างเพราะคนกลุ่มนี้หรือไม่ ผมไม่ยอมให้คนเพียงกลุ่มเดียว มาทำลายความตั้งใจของผม และคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก เพราะกัญชามีประโยชน์มากเหลือเกิน นโยบายมาถึงตรงนี้แล้ว พ.ร.บ. กัญชา ไปอยู่ในสภาแล้ว มีเสียงสนับสนุนล้มหลาม ต่อจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ ในนั้นมีตัวแทนจากทุกฝ่ายการเมือง ไปจนถึงนักวิชาการ จะมาช่วยกันปรับปรุงร่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ” นายอนุทิน กล่าว
โดยนายอนุทิน ได้ลงชื่อในใบจดแจ้งปลูกกัญชาใบแรกของประเทศไทย
หลังจากกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น นายอนุทิน และคณะได้เยี่ยมชมตามบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์กัญชา และวิถีการแพทย์ พื้นบ้าน ตลอดทาง มีประชาชน และผู้ประกอบการเข้ามาขอบคุณนายอนุทิน ที่สามารถปลดล็อกกัญชาได้สำเร็จ บรรยากาศการลงพื้นที่ เป็นไปอย่างชื่นมื่น
ก.เกษตรฯ แจกกัญชาครัวเรือนละ2ต้น
ทางด้าน นางสาวมนัญญา เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ จะแจกต้นกัญชาให้ประชาชนที่สนใจครัวเรือนละ 2 ต้น ตามเป้าหมาย 1 ล้านต้นของรัฐบาลหรือประมาณ 500,000 ครัวเรือน ภายหลังการปลดล็อกวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ให้กัญชา กัญชง และกระท่อม ไม่เป็นพืชในบัญชียาเสพติดอีกต่อไป ทั้งนี้สามารถลงทะเบียนแจ้งความจำนงได้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 เป็นต้นไป ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร (ศวพ.) ของกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศซึ่งมีอยู่ 53 จังหวัด กรณีจังหวัดใดไม่มี ศวพ.ให้ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนั้นๆ หรือผ่านระบบออนไลน์
เตือนระวังเมล็ดพันธุ์ผิดกฎหมาย
สำหรับกัญชาที่จะแจกให้ครัวเรือนละ 2 ต้น เป็นสายพันธุ์ไทย ซึ่งพันธุ์ที่แจกหลักๆ คือ พันธุ์อิสระ 01 พัฒนาพันธุ์โดยกรมการแพทย์ กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นพันธุ์รับรองเมื่อ 29 ม.ค.64 นอกจากนั้นจะมีกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ในโครงการนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามฝากเตือนประชาชนว่า ขณะนี้มีเมล็ดพันธุ์ผิดกฎหมายลักลอบจำหน่ายกันแพร่หลาย เพราะฉะนั้นขอประชาชนตรวจสอบก่อนซื้อ โดยให้พิจารณาจากใบอนุญาตของกรมวิชาการเกษตร
เริ่มขายต้นกัญชาหลังปลดล็อก
จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปลดล็อกกัญชาออกจากพืชเสพติด พบว่าที่ตลาดนัดเกษตรกรพิษณุโลก ได้มีผู้นำต้นกัญชาที่เพาะพันธุ์ใส่ถุงดำเรียบร้อยแล้ว มาวางขายกันแล้ว
โดยนายสุเมธ อายุ 35 ปี ซึ่งนำพันธุ์กัญชามาเร่ขาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้เตรียมตัวในการทำธุรกิจมาก่อน ไปลงทะเบียนขอเป็นผู้ปลูกเพื่อจำหน่ายกับสาธารณสุขมาก่อน และค่อย ๆ เริ่มขยายพันธุ์จนกฎหมายปลดล็อกจึงนำออกมาวางขาย พันธุ์ที่นำมาจำหน่ายอาทิ พันธุ์ lD เกาะเต่า ขายต้นละ 100 บาท พันธุ์หางกระรอก ขายต้นละ 50 บาท และยังมีต้นที่เพาะเลี้ยงไว้ค่อนข้างโตแล้ว จะขายในราคาที่สูงขึ้นมาอีก อาทิ พันธุ์หางกระรอก ต้นใหญ่ ขายต้นละ 1,500 บาท หรือ ไซซ์กลาง พันธุ์หางกระรอกที่นำมาดัดกับลวดจัดทรงให้สวย ขายต้นละ 800 บาท พันธุ์เลม่อน สายพันธุ์จากต่างประเทศ ต้นละ 800 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี