แพทย์จุฬาฯ-เอกชนสัมมนาใหญ่
ยำเปิดเสรีกัญชา
ห่วงนำไปใช้เสพติด/ทำลายปอด
ราชวิทยาลัยกุมารฯร่อนแถลงการณ์
กระทบต่อสุขภาพสมองเยาวชน
‘ประยุทธ์’สั่งทุกฝ่ายเฝ้าระวังเข้ม
คณบดีจุฬาฯ จับมือโรงเรียนแพทย์ รพ.เอกชน จับตาผู้ป่วยเข้า รพ.จากการใช้กัญชา พร้อมขอประสาน กทม. เฝ้าระวังการใช้ในโรงเรียน หวังเป็นข้อมูลถกร่างพ.ร.บ.กัญชาคุมเข้มขึ้น “ผู้เชี่ยวชาญ” เตือนอย่าใช้ การสูบ ชี้ทำลายปอด-หลอดลม ก่อมะเร็ง ได้คล้ายบุหรี่ ด้าน ราชวิทยาลัยกุมารฯ แถลงการณ์ผลกระทบของกฎหมาย “กัญชาเสรี” ต่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ส่งผลต่อสมองในระยะยาว ขณะที่ มหกรรมปลดล็อกกัญชาวันที่ 2 ประชาชนยังแห่มาแน่น จ.บุรีรัมย์ พร้อมแห่จดแจ้งขอปลูก ลงทะเบียนขอรับกล้ากัญชา ไม่ถึงครึ่งวันที่เตรียมไว้แจก 300 ต้นหมดเกลี้ยง
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการจัดเสวนาวิชาการเพื่อการพัฒนาศักยภาพการวิจัยและนักวิชาการด้านการเสพติด ผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้นโยบายทางการเมือง และกระทรวงสาธารณสุขที่ผลักดันเรื่องการใช้กัญชาโดยเน้นการใช้ทางการแพทย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่เน้นการใช้เพื่อสันทนาการ แต่ในทางปฏิบัติอาจมีความย้อนแย้งกัน เพราะการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้นมีโรคที่อนุญาตให้ใช้ประมาณ 6-7 โรค แต่ที่น่ากังวลคือการนำเอาไปใช้สันทนาการแล้วอ้างว่าใช้เพราะเจ็บป่วยถือว่าอันตรายมาก รวมถึงการได้รับสารในกัญชาโดยไม่รู้ถึงปริมาณจากการรับประทานก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล ดังนั้นตนจึงได้หารือกับทางโรงเรียนแพทย์ และเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนเพื่อเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากกัญชาทุกราย ร่วมกับการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงประสานกรุงเทพมหานคร เพื่อเฝ้าระวังการใช้ในโรงเรียน ทั้งนี้เพื่อให้มีข้อมูลเชิงประจักษ์ให้เห็นถึงอันตรายจากกัญชา เพื่อให้การพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....เป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นกฎหมายที่ออกมาจะเบามาก โดยอ้างว่าขนาดเสรีแล้วยังไม่มีปัญหาอะไร
กัญชาออกฤทธิ์ถึงจิตประสาท
ศ.นพ.สิริชัย ชยสิริโสภณ Neurologist และนักวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์ จากรัฐ California USA กล่าวว่า ในกัญชามีสารสำคัญจำนวนมาก ที่สำคัญคือ THC ซึ่งมีฤทธิ์เสพติด ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และ CBD ไม่มีฤทธิ์เสพติด ทั้งนี้สารนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกัญชาด้วย และขอย้ำว่ากัญชาไม่ได้รักษาทุกโรค และที่รักษาอยู่ตอนนี้เป็นเพียงรักษาอาการเท่านั้นไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุของโรค เมื่อหยุดอาการก็กลับมาอีกหากเป็นอาการเรื้อรัง และการใช้ก็ต้องรู้ปริมาณ THC เพราะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ เลื่อนลอย มึนเมา ท้องเสีย อาเจียน ความคิดเชื่องช้า ความจำเสื่อม ถ้าได้รับปริมาณสูงจะทำให้ประสาทหลอน ทั้งนี้หากคนไม่เคยใช้มาก่อนสารนี้อยู่ในร่างกายนาน 56 ชั่วโมง ส่วนคนที่เคยใช้มานาน สารนี้จะอยู่ได้ 128 ชั่วโมง จึงต้องระวัง ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์
“มีรายงานการสูบกัญชานาน ๆ มีผลเสียต่อปอดรุนแรงกว่าการสูบบุหรี่ ผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีการอักเสบของหลอดลม ปอด ที่สำคัญคือมะเร็งปอด อีกทั้งยังมีปัญหาทางสมอง ไอคิวต่ำ เนื้อสมองฝ่อ สติปัญญาเสื่อม เฉื่อยชา ตัดสินใจผิดพลาด จิตหลอน และเป็นโรคจิตได้ จึงต้องช่วยกันรณรงค์ไม่ให้มีการสูบ” ศ.นพ.สิริชัย กล่าว
เฝ้าระวังใช้ในการสันทนาการ
รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผอ.ศศก. กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีนโยบายใหม่เกี่ยวกับยาเสพติด มองผู้เสพเป็นผู้ที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา ส่วนผู้ค้ายังคงรับโทษทางกฎหมายนั้น ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการแก้กฎหมายหลายฉบับ มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ การอนุญาตให้ใช้ใบประกอบอาหารได้ จึงมีผู้ใช้กัญชามากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงการปลดกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดผิดกฎหมาย ถือเป็นชาติแรกในเอเชียที่เปิดให้มีการใช้อย่างเสรี และค่อนข้างเสรีที่สุดในโลก แม้จะไม่ส่งเสริมให้ใช้สันทนาการ แต่การใช้สันทนาการก็ไม่มีกฎหมายควบคุมเฉพาะโดยที่กำลังจะมีการควบคุมเป็นเพียงเรื่องการสูบสร้างความรำคาญ การสูบแล้วขับขี่ยานพาหนะ และอาจมีการห้ามโฆษณาออกมา บทเรียนในต่างประเทศที่มีการใช้กัญชาเสรี ใช้สันทนาการ เช่น แคนาดา อุรุกวัย โดยหวังแก้ปัญหากัญชาใต้ดิน กลับพบว่ามีคนใช้กัญชามากขึ้น คนป่วยเข้าห้องฉุกเฉินที่สัมพันธ์กับการใช้กัญชาเพิ่มขึ้น
“ดังนั้นประเทศไทยต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ให้ความรู้การใช้กัญชาอย่างถูกต้อง ระวังไม่ให้ใช้ในเด็ก เพราะมีผลกระทบต่อพัฒนาการ สมอง จิตใจ ซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตาย ต้องเตรียมรูปแบบการรักษาการเสพติดกัญชาให้พร้อม เพราะจากข้อมูลที่ผ่านมาแม้จะเป็นการใช้เพื่อรักษาโรค แต่พบว่าผู้ป่วยไม่ได้ซื้อน้ำมันกัญชาจากแหล่งที่ปลอดภัย แต่ซื้อทางออนไลน์ หรือแหล่งที่หาซื้อพิเศษ” รศ.พญ.รัศมน กล่าว
เชื่อผู้ป่วยทางกัญชาพุ่งสูงขึ้น
ขณะที่ พญ.ปัจฉิมา หลอมประโคน รองผอ.สถาบันกัญชาทางการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกระทรวงสาธารณสุขปี 2565 เรื่องสมุนไพรกัญชา กัญชง แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกให้เข้าถึงอย่างปลอดภัย ระยะที่สองคือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนของการใช้ทางการแพทย์นั้น กรมการแพทย์กำหนดการใช้กัญชารักษาโรคเป็น กลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ 1. คลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 2.โรคลมชักรักษายาก ดื้อต่อยารักษา 3.กล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 4. ปวดประสาท 5. ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ ที่มีน้ำหนักตัวน้อย และ 6.เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยระยะประคับประคอง หรือระยะสุดท้ายของชีวิต อีก 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์ คือโรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ วิตกกังวลทั่วไป และปลอกประสาทอักเสบ และกลุ่มที่อาจจะได้ประโยชน์ในอนาคต เช่นการรักษามะเร็ง ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลอง จึงขอให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้ารับการรักษาที่เป็นมาตรฐานอย่าใช้กัญชาเป็นทางเลือกแรก ทั้งนี้ ในปี 2565 มีการเปิดคลินิกกัญชาทั่วประเทศได้เกินเป้าหมาย 70% ผู้ป่วยทั้งหมดใช้กัญชาทางการแพทย์เพิ่มขึ้น 5% ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2564 พบว่ามีการใช้กัญชาทางการแพทย์เพิ่มถึง 73%.
ราชวิทยาลัยกุมารฯออกแถลงการ
ด้านราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง “ผลกระทบของกฎหมายกัญชาเสรีต่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่น”
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข ในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ประกาศยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยเฉพาะกัญชา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 จะส่งผลให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง คือ เด็กและวัยรุ่น สามารถเข้าถึงกัญชา และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จากการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการนำกัญชา ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดมาใช้เพื่อนันทนาการในพืชกัญชามีสารแคนนาบินอยด์ หลายชนิด แบ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่สำคัญ ได้แก่ THC และสารไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ที่สำคัญ ได้แก่ แคนนาบินอยด์ หรือ CBD ซึ่งในทางการแพทย์มีการนำมาใช้รักษาโรคลมชักชนิดดื้อยากันชัก
สำหรับ THC มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์เช่นกัน เช่น ในการรักษาประคับประคองของมะเร็งระยะสุดท้าย แต่หากมีการนำกัญชาหรือสารสกัดกัญชามาใช้เป็นส่วนผสมของอาหาร หรือการแปรรูปต่างๆ หรือให้มีการใช้กัญชาได้อย่างเสรีโดยไม่มีกฎหมายควบคุม ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับสารแคนนาบินอยด์เหล่านั้น เข้าไปจนอาจจะมีผลกระทบที่รุนแรง โดยเฉพาะอาจส่งผลต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น พัฒนาการล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาลดลง และส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยและตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงมีคำแนะนำเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น ดังนี้
1. เด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ไม่ควรเข้าถึงและบริโภคกัญชา เนื่องจากสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ และกัญชามีสาร THC ที่มีผลต่อสมองเด็กในระยะยาว ดังนั้นเด็กจึงไม่ควรได้รับ THC ยกเว้นกรณีมีความจำเป็นทางการแพทย์เช่น ประกอบการรักษาประคับประคองผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โรคลมชักรักษายาก ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
2. ให้มีการประชาสัมพันธ์กับประชาชนเรื่องโทษของการใช้กัญชากับสมองเด็ก เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการเข้าถึงกัญชาในเด็กและวัยรุ่นเพื่อนันทนาการว่ากัญชาเป็นสารที่มีฤทธิ์เสพติด ส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตในระยะเฉียบพลัน และอาจรุนแรงถึงกับชีวิตได้ รวมถึงมีผลกระทบในระยะยาวต่อสมอง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของสมองที่กำลังพัฒนา
3. ให้มีมาตรการควบคุม การผลิต และขายอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาผสม และให้มีเครื่องหมาย/ ข้อความเตือนอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้ในเด็กและวัยรุ่น โดยระบุ “ห้ามเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริโภค”
4. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์ ควบคุมไม่ให้มีการจงใจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ภาพการ์ตูน หรือใช้คำพูดสื่อไปในทางให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารหรือขนมที่เด็กและวัยรุ่นบริโภคได้
5. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตามผลกระทบของกัญชาต่อเด็กอย่างต่อเนื่องและจริงจังหลังจากใช้กฎหมายกัญชาเสรี
ป้องกันผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน
ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมเสมอที่จะให้ข้อมูลที่เที่ยงตรงและถูกต้องบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงให้ข้อแนะนำที่เหมาะสมแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น
นายกฯห่วงให้มีมาตรการคุมเข้ม
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว. กลาโหม รับทราบในข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะต่างๆ ของทุกภาคส่วนที่มีต่อการปลดล็อกใช้กัญชา กัญชง ซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อกําหนดมาตรการ แนวทางปฏิบัติ และกํากับดูแลการใช้กัญชา ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการอนุญาตให้ใช้กัญชาในประเทศไทย เพื่อประโยชน์ด้านการแพทย์ การรักษาพยาบาลทั้งแผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทย ลดรายจ่ายด้านการรักษาและเพิ่มทางเลือกในการดูแลสุขภาพและยังเป็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 ได้มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการ 6 คณะ เพื่อช่วยปฏิบัติหน้าที่ในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย 1) ด้านการแพทย์ และการบำบัดรักษา 2) ด้านการให้ความรู้แก่เยาวชนและผลกระทบทางสังคม 3) ด้านการผลิตทางเกษตรกรรม 4) ด้านการป้องกันการลักลอบนำเข้า การผลิต ที่ผิดกฎหมาย 5) ด้านกฎหมาย และ 6) ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ ที่ประชุมจะมีการออกแนวทางในการกำหนดแนวทางการใช้กัญชา-กัญชง ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ คือเพื่อประโยชน์สูงสุดด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ โดยมีมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดการใช้ผิดวัตถุประสงค์เพื่อลดผลกระทบทางสังคมต่อไป
“นายกรัฐมนตรียังกำชับให้สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ว่าการปลดล็อกครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเสพเพื่อสันทนาการ โดยหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งให้ความรู้กับประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ผ่านกลไกของจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ให้เกิดความสับสนทั้งในเรื่องการปลูก การเสพ และการนำไปจำหน่าย ลดความกังวลของสังคมเกี่ยวกับการใช้กัญชาผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้กลุ่มเปราะบางเข้าถึงกัญชา โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ นำไปใช้เพื่อนันทนาการ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบด้านสุขภาพและสังคมตามมา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
สมศักดิ์บอกเร่งออกกม.รองรับ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การปลดล็อคกัญชา ที่มีผลไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ว่า วันนี้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการบังคับใช้และควบคุมกัญชายังไม่ชัดเจนในสายตาประชาชน หลายคนยังสับสนว่าใช้อย่างไรได้บ้างหรืออย่างไรที่ผิดกฎหมาย โดยวันนี้มีหลักเกณฑ์คือ ห้ามมีความเข้มข้นของ สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก หากเกินจะมีความผิด ซึ่งยากต่อความเข้าใจของประชาชน ดังนั้นการทำเรื่องเหล่านี้ให้ประชาชนรับรู้และปฏิบัติเป็นทิศทางเดียวกันคือต้องมีกฎหมายรองในการบังคับใช้ โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการ ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง แล้ว ดังนั้นตรงนี้คงต้องเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะจะเกิดช่องว่างเป็นสุญญากาศของกฏหมาย
“ตรงนี้ผมคงต้องฝากถึงคณะกรรมาธิการฯ เร่งรัดทำให้เร็ว แต่ก็ต้องรัดกุมรอบครอบ เพื่อประโยชน์และความชัดเจนแก่ประชาชน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสับสนว่าอะไรทำได้บ้าง หรืออะไรที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงดูเรื่องข้อห่วงใยของสังคมไว้แล้ว ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ผมได้ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมพร้อมหลังปลดล็อคกัญชาเอาไว้แล้วด้วยเช่นกัน”นายสมศักดิ์ กล่าว
มหกรรมกัญชาวันที่2คึกคัก
ด้าน บรรยากาศงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 2 ยังคงคึกคักมีประชาชนจากหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในงานก็ยังคงมีการให้ความรู้ บริการทางการแพทย์ นำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชาทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม กัญชาแห้ง และต้นกัญชง กัญชา มาวางจำหน่ายในงานให้ประชาชนได้ชิม และเลือกซื้อกลับบ้านด้วย อย่างเช่นคุณยายวัย 76 ปี ที่เดินทางมาจาก อ.หนองหงส์ ก็ได้มาลองลิ้มรสไอติมผสมกัญชาด้วย
คุณยาย บอกว่า เพิ่งเคยลองเป็นครั้งแรกรสชาติอร่อยทั้งมีกลิ่นหอมของกัญชาด้วย แต่จุดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนก็ยังคงเป็นจุดสำหรับเปิดบริการให้จดแจ้งขอปลูกกัญชาภายในงาน ก็มีประชาชนไปยื่นขอจดแจ้งคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ไม่ต่างจากบูธที่ให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับต้นกล้ากัญชาฟรี ก็มีประชาชนเข้าคิวรอลงทะเบียนเพื่อรับต้นกล้ากัญชาฟรียาวเหยียด แต่หลายคนที่ตั้งใจว่าจะมาลงทะเบียนรับต้นกัญชาฟรีไปทดลองปลูกที่บ้านก็ต้องผิดหวัง เพราะกัญชาที่ทางกรมวิชาการเกษตรฯ เตรียมมาแจกวันนี้ 300 ต้นหมดเกลี้ยงตั้งแต่ช่วงเช้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี