ผอ.สถาบันนิติฯ ยธ. รับมอบผ้าผูกเอวสีขาวจาก"สมชาย-หมอพรทิพย์" ด้านเลขานุการ รมว.ยุติธรรม ชี้การตรวจสอบครั้งนี้ตั้งบนสมมติฐานว่าเป็นคดีฆาตกรรมจึงต้องหาพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าใครฆ่า หรือฆ่าที่ไหน เผยหากคราบเลือดตรงกับดีเอ็นเอน้องแตงโมก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่ตรงกันก็จบทันที
14 มิ.ย.ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชั้น 8 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดยนายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการฯ และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้นำพยานหลักฐานไปส่งยังสถาบันนิติวิทยา
ศาสตร์ เพื่อทำการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมี ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (คดีการเสียชีวิตของ"แตงโม"นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ) พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมด้วย ทั้งนี้ ได้มีการพูดหารือกับพันตำรวจเอกทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นเวลาเกือบ1ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว
ต่อมานายสมชาย กล่าวว่า หลักฐานชิ้นนี้ถูกส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเคยส่งมอบให้กับตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน แต่ตำรวจบอกว่าปิดสำนวนไปแล้วจึงไม่รับเอกสารนี้ นอกจากนี้ ยังส่งหลักฐานชิ้นนี้ให้กับอัยการนนทบุรี แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงอาศัยช่องทางนี้ส่งผ่านให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รับดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายสามารถทำได้ เพราะจากการตรวจสอบหลักฐานชิ้นนี้แล้ว พบมีการส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาจริง รวมทั้งเมื่อตรวจสอบแล้วยืนยันว่าผ้าสีขาวมีคราบเลือดของมนุษย์ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นคราบเลือดของแตงโม หรือไม่
ส่วนแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ เปิดเผยว่า คดีนี้เคยให้คำแนะนำกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปแล้วว่า หากรอยแผลที่พบบนขาขวาของแตงโม ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ คราบเลือด ย่อมติดอยู่บนเสื้อผ้าของแตงโม เสื้อคนที่อยู่บนเรือ ติดที่เรือ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าหากผลการตรวจเลือดบนผ้ายืนยันว่าเป็นดีเอ็นเอของแตงโมจริง ก็จะเป็นประเด็นเกิดขึ้น
ด้านพันตำรวจเอกทรงศักดิ์ กล่าวว่า สถาบันฯได้รับพยานวัตถุเป็นเสื้อเพื่อทำการตรวจพิสูจน์ ซึ่งกระบวนการตรวจเบื้องต้นจะได้แยกสารจากเลือดบนเสื้อเพื่อตรวจตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งมาทุกข้อ โดยเบื้องต้นจะเป็นการตรวจดีเอ็นเอและวัตถุแปลกปลอมอื่นอื่นๆ เช่น เส้นผม ใบไม้ หรือคราบดินต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการเปรียบเทียบกับสถานที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามการตรวจพิสูจน์หาหลายอย่างจากพยานวัตถุเพียงชิ้นเดียวอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องมีการนำตัวอย่างคราบเลือด คราบดินมาเปรียบเทียบกับสารที่สกัดได้จากเสื้อ แต่สถาบันฯจะพยายามเร่งให้เสร็จภายใน 20 -30 วัน
ขณะที่รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากการที่มีผู้มาร้องขอดีเอสไอให้สอบสวนตามที่มีตั้งประเด็นว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ทั้งนี้ วัตถุพยานที่คณะกรรมาธิการฯ ส่งมอบให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเสาะแสวงหาพยานหลักฐานในคดี ซึ่งเมื่อตรวจแล้วไม่ใช่ผ้าของแตงโม ก็ไม่ถือว่าเสียหาย แต่หากพบว่าพยานหลักฐานที่พบเป็นผ้าผืนเดียวกับที่แตงโมใส่วันเกิดเหตุ รวมทั้งหากคราบเลือดที่พบเป็นคราบเลือดของแตงโมจริง คดีนี้ย่อมสามารถสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมได้เป็นเลือดที่เกิดจากบนบกหรือไม่อย่างไรต่อไป
ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้มีการตั้งต้นว่า บนสมมติฐานว่า เป็นคดีฆาตกรรมจึงต้องหาพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าใครฆ่า หรือฆ่าที่ไหน ดังนั้น วัตถุพยานที่รับมอบมา จึงต้องเอามาพิสูจน์ข้อเท็จจริงสมมติฐานนั้นให้ได้
"หากตรวจออกมาว่าคราบเลือดบนผ้าดังกล่าวเป็นเลือดมนุษย์จริง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะทราบว่าสถาบันมี DNA ของน้องแตงโม ซึ่งหากคราบเลือดตรงกับดีเอ็นเอน้องแตงโมก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่ตรงกันก็จบไปทันที "
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนเมื่อสถาบันนิติฯ จะส่งผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานนี้ รายงานให้กับประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯทราบ โดยจะเป็นคนละส่วนกับหลักฐานที่นำเข้าสู่สำนวนการสอบสวน ไม่ได้ใช้เป็นพยานหลักฐานอื่นๆในคดีแต่อย่างใด
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี