"ผกก.เมืองนครราชสีมา" คดีวัยรุ่นขับรถกระบะชนรถจักยานยนต์เสียชีวิต 1 สาหัส 1 บนถนนในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี เป็นเรื่องจราจร ไม่ใช่เป็นเรื่องอุบัติเหตุรถชนกันแบบปกติ ยันไม่มีเหตุการณ์ชนแล้วชักปืนยิงซ้ำแน่นอน เผยไปสอบถามชาวบ้านแล้วบอกว่า "เขาเล่าให้ฟัง บอกต่อๆ กันมาจนเป็นข่าว"
ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุวัยรุ่นอายุ 17 ปี และเพื่อนอีก 2-3 คนขับรถยนต์ชนรถจักรยายนต์จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย สาหัส 1 ราย บนถนนภายในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งวัยรุ่นที่ก่อเหตุอายุ 17 ปีน่าจะมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อนจึงขับรถกระบะมิตซูบิชิ สตราด้า ไล่ชนคู่อริ 2 คนที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีดำ หลังชนรถท้ายจักรยานยนต์อย่างแรงจนล้มเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย คือ นายสุชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี อยู่หมู่ 5 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นชาย 1 รายตามที่มีข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 6 ก.ย.65 พ.ต.อ.ประสิทธิ เปรมกมล ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 รายบนถนนภายในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมาว่า เป็นเรื่องอุบัติเหตุ โดยผู้ขี่รถยนต์กระบะขับรถพุ่งชนคู่กรณีอย่างแรง เท่าที่ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องเจตนามากกว่า ไม่ใช่เรื่องประมาทแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้ทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกันมาก่อนแล้ว และพอมาเจอกันก็เลยได้โอกาสขับรถชน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายน่าจะเป็นคนซ้อนท้าย ส่วนผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยบริเวณเขตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นเพียงร้านอาหารและสวนอาหาร ส่วนบาดแผลของผู้เสียชีวิตจากการตรวจสอบโดยเจ้าเหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นแผลจากการถูกรถชนอย่างรุนแรง มีบาดแผลเต็มตัว และบาดแผลก็ไม่ใช่บาดแผลที่ปกติ และที่สำคัญไม่มีเรื่องการใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด และญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องอาวุธปืนสักคำ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีการไปพาดพิงเรื่องการใช้อาวุธปืนยิงมาจากไหน อาจจะเป็นเพราะมีคนในพื้นที่พูดต่อๆ กันไปมาว่ามีเหตุยิงกันแล้ว แต่เอามาพูดพัวพันกันไปหมด โดยผู้ก่อเหตุก็ให้การยืนยันว่าได้ขับรถชนคู่กรณีจริง โดยการขับพุ่งชนท้ายรถจักรยายนต์อย่างแรง ประกอบกับตัวถังของรถกระบะแข็งมาก พอเวลาพุ่งชนด้วยความเร็วด้วย ส่วนเรื่องปืนตำรวจเองก็งงเหมือนกัน
"คดีนี้เป็นเรื่องจราจร ไม่ใช่เป็นเรื่องอุบัติเหตุปกติ แต่เป็นการที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายโกรธเคืองกันมาก่อน ซึ่งตำรวจก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ข้อเท็จจริง โดยก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 ฝ่ายไปที่อื่นกันมาแล้วมาเจอกันในเขตอุตสาหกรรม ส่วนเรื่องร้านอาหารหรือสถานบันเทิงจากการตรวจสอบภายในเขตอุตสาหกรรมก็ไม่มีใครไปทะเลาะวิวาทกันในร้านอาหารหรือมีการทะเลาะอะไรกันในเกิดขึ้น สอบถามทุกร้านแล้วไม่มี โดยการก่อเหตุไม่ใช่เป็นถนนหลัก แต่เป็นถนนภายในเขตอุตสาหกรรม" พ.ต.อ.ประสิทธิ์ กล่าว
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ กล่าวย้ำอีกกว่า "ในส่วนที่มีข่าวที่คลาดเคลื่อนออกไปว่ามีการยิงอะไรกันนั้น ยืนยันว่าไม่มีใครถูกยิงเลย และที่เห็นว่าไปจ่อยิงก็ไม่มี แต่ว่าตำรวจได้ไปสอบถามคนแถวนั้นก็บอกว่ามีการยิงกันตาย ก็ถามว่าแล้วเห็นไหมก็บอกกับตำรวจว่า เขาเล่าให้ฟัง บอกต่อๆ กันมาจนเกิดเป็นกระแสข่าวต่างๆ ออกมา ซึ่งเราก็ได้รับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาให้ทราบไปแล้ว ส่วนการตั้งข้อหาเยาวชนทางพนักงานสอบสวนจะร่วมกับสำนักงานอัยการร่วมกับสหวิชาชีพจะสรุปก่อนแล้วถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป" - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี