นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายางของกระทรวงเกษตรฯ และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) กล่าวถึงความสำเร็จของการส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ ว่าความสำเร็จของการส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ คือเฝือกประดิษฐ์ยางพาราชิ้นแรกของโลก โดยใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้า “ยางพารา” เพื่อยกระดับอัปเกรดภาคเกษตรกรรมของไทยสู่เกษตรมูลค่าสูง ซึ่งมีการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อพัฒนาการผลิตและการแปรรูปสินค้าและผลิตภัณฑ์ยางพารา ตลอดจนร่วมมือกับศูนย์ AIC ในงานด้านวิจัยและพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ในส่วนของศูนย์ AIC กยท.และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ได้มีการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของยางพารา 32 เรื่อง ส่วนการผลิตนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและร่วมสร้างผลงานนวัตกรรมจากยางพาราสู่การแพทย์ โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ที่สำคัญคือเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศด้วย
ด้าน รศ.นพ.นิยม ละออปักษิณ เลขาธิการมูลนิธิการแพทย์สยามบรมราชกุมารี/นายกสมาคมพัฒนาแพทย์ทางเลือกไทย-จีน ในฐานะหัวหน้าโครงการ “การนำเฝือกประดิษฐ์ยางพาราไปประยุกต์ใช้รักษาทางการแพทย์” เปิดเผยว่า การรักษาผู้ป่วยทางออร์โธปิดิกส์ในเรื่องการบาดเจ็บที่เท้า สำหรับกรณีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะใช้วิธีการใส่เฝือกซึ่งถือเป็นมาตรฐาน ปัจจุบันเทคโนโลยีมีมากขึ้น เฝือกจึงมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาแพง ดังนั้นการพัฒนาการใช้วัตถุดิบโดยเฉพาะยางพารา จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการฯ จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาปรับปรุงเฝือกยางพาราต้นแบบ (prototype) ให้เป็นเฝือกยางพาราเชิงพาณิชย์
สำหรับผลการวิจัยโครงการฯ ดังกล่าว สามารถพัฒนาเฝือกยางพาราในการออกแบบให้มีความสวยงามมีความทันสมัย และดำเนินการจดสิทธิบัตรการออกแบบจนผ่านการอนุมัติ 4 ฉบับ และร่วมจัดทำร่างข้อกำหนดจากกรมวิทยาศาสตร์บริการเป็นการกำหนดตัวเลขจากงานวิจัย เพื่อให้เป็นต้นแบบในการอ้างอิงสำหรับประเทศไทยในการประดิษฐ์เฝือกยางพารา และได้ประกาศผ่านการร่างข้อกำหนดไว้นอกจากนี้ ในการประยุกต์ใช้ทางคลินิกได้ทำการศึกษาทางโรงพยาบาล 7 แห่ง รวม 69 ราย หลังจากอธิบายให้แพทย์เข้าใจและติดตามผ่านแบบสอบถามความพึงพอใจหลังจากใส่เฝือกและกิจวัตรภายหลังใส่เฝือกที่ 1 4 และ 8 สัปดาห์ พบว่ามีค่าที่สูงขึ้นโดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี