สาวอดีตเมียจ่าทหารเรือเข้าร้อง "ทนายโป้ง" ถูกอดีตสามีซ้อมแถมบังคับให้เซ็นต์ใบหย่าหลังถูกจับได้แอบซุกกิ๊ก หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีไม่คืบหลังแจ้งความที่ สภ.สัตหับ
ที่ชมรมทนายความจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 14 ต.ค.65 ที่ผ่านมา น.ส.พลอย (นามสมมุติ) เดินทางเข้าพบนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง เพื่อให้ช่วยติดตามคดีกรณีถูกอดีตสามีที่รับราชการทหารสังกัดกองทัพเรือซ้อม หลังจับได้ว่าสามีนอกใจแอบมีกิ๊ก จึงทำให้ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณโหนกเเก้มด้านซ้ายปูดบวม เบ้าตาเขียว มีรอยฟกช้ำตามตัวหลายแห่ง อีกทั้งยังถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 2 ครั้งตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.และวัน 9 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่คดีไม่มีความคืบหน้า เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้ามาขอให้ทนายโป้งช่วยเหลือ
น.ส.พลอย อดีตเมียจ่าทหาร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายส่วนสาเหตุมาจากการที่ตนจับได้ว่าสามีแอบคุยกับผู้หญิงคนใหม่ จากนั้นได้มีการนัดให้ไปคุยกันที่ทำงานของฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายชายได้พาผู้หญิงคนใหม่มาด้วยแล้วบังคับให้ตนเซ็นใบหย่าแต่ตนไม่ยอมเซ็น จึงทำให้เขาโกรธมากและลงมือทำร้ายร่างกายตน ซึ่งขณะที่เขากำลังทำร้ายตนนั้นก็มีทหารคนอื่นอยู่ด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย หลังเกิดเหตุตนจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นทางต้นสังกัดของฝ่ายชายได้นัดให้เข้าไปเจรจาแต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น
ต่อมาวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายชายได้กลับมาทำร้ายตนอีกครั้ง ทำให้ได้ร้บบาดเจ็บที่บริเวณแขน และขา มีรอยเขียวช้ำหลายจุด ซึ่งตนก็คิดไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องกลับมาทำร้ายตนอีกอย่างเเน่นอน ตอนนี้ตนรู้สึกหวาดกลัวกับพฤติกรรมของอดีตสามีเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะย้อนกลับมาทำร้ายตนอีกครั้ง ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปปรึกษาใคร อีกทั้งการที่ตนไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับอดีตสามี กลับเป็นเเค่เพียงการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาแต่อย่างใด วันนี้จึงตัดสินใจนั่งรถจากสัตหีบเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากทนายโป้ง
น.ส.พลอย กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าอีกว่า ในส่วนของทางผู้ใหญ่ในกองทัพเรือบางท่านที่ออกมาบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนต้องการเรียกร้องเงินนั้นตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ที่ผ่านมาตนสู้มาเพียงลำพังคนเดียว เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ทำเเบบนี้ก็เพื่อต้องการปกป้องศักดิ์ศรีและเรียกร้องสิทธิของตนเท่านั้น
ด้านทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นที่ได้รับฟังข้อมูลประกอบกับเอกสารที่มีอยู่ตอนนี้ เข้าใจว่าตัวน้องผู้เสียหายกับพนักงานสอบสวนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนก็ทำงานตามขั้นตอนแล้ว แต่ตัวน้องอาจจะไม่ทราบในเรื่องของขั้นตอน เพราะอาจจะไม่ได้มีการอธิบายว่าหลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเสร็จแล้ว จากนั้นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลว่ามีการทำร้ายร่างกายกันจริงหรือไม่ และได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาน้องเขายังไม่ได้ไปตรวจร่างกายแต่อย่างใด
วันนี้ตนจึงเเนะนำให้น้องเอาใบส่งตัวจากพนักงานสอบสวนไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และให้เเพทย์ลงความเห็นว่ามีการถูกทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่และมีบาดเเผลอะไรบ้าง เพื่อนำมาประกอบสำนวน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำ จากนั้นพนักงานสอบสวนก็จะทำการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาก็คือจ่าทหารที่เป็นอดีตสามี มารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย
เรื่องนี้อาจจะเข้าข้อบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวด้วย ซึ่งที่ผ่านมาน้องไปแจ้งความว่าถูกทำร้ายถึง 2 ครั้ง แต่น้องก็ยังไม่เข้าสู่ระบบเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาเพราะประจำวันลงไว้แค่เป็นหลักฐานเท่านั้น ซึ่งตัวน้องเข้าใจว่าดำเนินคดีไปแล้วแต่ทำไมเรื่องถึงเงียบ สุดท้ายนี้ขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกคนที่ถูกทำร้ายร่างกายหลังจากแจ้งความเสร็จแล้วทางพนักงานสอบสวนจะมีหนังสือส่งตัวให้ไปตรวจร่างกาย จากนั้นนำใบรับรองแพทย์ส่งกลับมาที่พนักงานสอบสวนเพื่อที่จะสรุปสำนวนและเเจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าทางใหญ่ในกองทัพเรือเตรียมเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพูดคุยเพื่อหาข้อยุติกันในวันที่ 17 ต.ค.65 นี้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี