ชาวศรีสวัสดิ์บุกศาลากลางจังฟวักาญจนบุรี ค้านออกประทานบัตรให้บริษัทเอกชนทำเหมืองแร่ หวั่นกระทบทั้งทางน้ำ อากาศ เสียง และแหล่งทำกิน
เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (6 ธ.ค.65) นายวีรเดช สอนใจ แกนนำได้นำชาวบ้านหมู่ 4 บ้านสามหลัง-ท่าลำไย ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการรังวัดกำหนดเขตคำขอประทานบัตรของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเพื่อทำเหมืองแร่ชนิดเฟลสปาร์ โดยได้ปิดประกาศเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบโดยทั่วกันเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีส่วนได้เสียโต้แย้งคำขอประทานบัตรภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันปิดประกาศเอาไว้ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2565
โดยผู้ร้องคัดค้านได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อว่า "คณะทำงานตรวจสอบการขอประทานบัตร ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง คำขอประทานบัตรที่ 3/2565" มีวัตถุประสงค์เพื่อพิทักษ์ปกป้องชุมชนและมีส่วนร่วมกับรัฐในการปกป้อง อนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ชุมชนเขาโจด และพื้นที่โดยรอบและเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย องค์กรชุมชนเพื่อการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบการขอประทานบัตรเมืองแร่ชนิดเฟลสปาร์ ของบริษัทเอกชนฯด้วย จึงมีความประสงค์ที่จะคัดค้านและเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการทบทวนและยกเลิกคำขอจดทะเบียนประทานบัตร 3/2565 เนื้อที่ 257 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา เพื่อประกอบกิจการเหมืองแร่ชนิดเฟลสปาร์
การยื่นหนังสือครั้งนี้มีนายกรกรณ์ อึ้งภากรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และ นางอารยา ไสลเพชร อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้รับมอบ
ทั้งนี้ นายวีรเดช สอนใจ กล่าวว่า การสูญเสียที่อาจจะได้รับผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งระบบนิเวศ กล่าวคือทรัพยากรธรรมชาติทางด้านป่าไม้ ป่าชุมชน ป่าน้ำซับซึม ป่าต้นน้ำ ระบบนิเวศ รวมถึงแหล่งน้ำที่สำคัญจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เช่น พื้นที่ป่าที่ชาวบ้านในชุมชนได้ใช้สอยในการดำรงชีพมาตั้งแต่บรรพบุรุษรวมถึงแหล่งน้ำของลำห้วยกระพร้อย ที่ไหลลงสู่โครงการอ่างเก็บน้ำกระพร้อย
ส่วนความเสียหายที่อาจจะได้รับต่อการประกอบอาชีพเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนเกษตรกรรม ที่พึ่งพาทั้งแหล่งน้ำและความอุดมสมบูรณ์ของภูเขา เมื่อมีการทำสัมปทานเมืองแร่แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน นอกจากนี้พื้นที่เขตคำขอประทานบัตรดังกล่าวอยู่ห่างจากชุมชนโรงเรียนวัดและสถานที่ท่องเที่ยวประมาณเพียง 1 กิโลเมตร ซึ่งจะยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนในด้านสุขภาพร่างกาย และด้านจิตใจที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย
การรังวัดกำหนดเขตพื้นที่ตามคำขอประทานบัตรก็ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 กล่าวคือตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้มีการบริหารจัดการแร่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ดุลยภาพทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพประชาชน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนทราบ
รวมถึงกำหนดให้จัดทำข้อมูลเขตแหล่งแร่ที่จะอนุญาตให้ทำเหมืองไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 โดยรัฐจะอนุญาตให้ทำเหมืองได้เฉพาะในพื้นที่ที่แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ กำหนดให้เป็นพื้นที่เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 19 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2560 ซึ่งข้อเท็จจริงในพื้นที่นี้ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวในการรังวัดกำหนดเขตประทานบัตรเป็นเขตในการดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และเขตเตรียมผนวกของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ รวมถึงเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมที่ เชื่อมไหลสู่แหล่งน้ำที่สำคัญของชุมชนในพื้นที่
ดังนั้น ทั้งการประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดพื้นที่เขตแหล่งแร่ การรังวัดกำหนดเขตคำขอประทานบัตร รวมถึงการประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เรื่องการขอประทานบัตรของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นั้นจะต้องมีการยกเลิกประกาศดังกล่าวเสียก่อนและให้มีการสำรวจจัดทำข้อมูลขึ้นใหม่ เพื่อนำไปประกอบพิจารณาในการกำหนดเขตแหล่งแร่ เพื่อการทำเหมืองต่อไปตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติพ.ศ. 2560 โดยเฉพาะในส่วนพื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองแร่จะต้องไม่ใช้พื้นที่ตามมาตรา 17 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ที่จะต้องมีการกันพื้นที่ดังกล่าวออกเสียก่อน ที่จะมีประกาศกำหนดเป็นแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ต่อไป
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นและอาศัยตามสิทธิในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 43 กำหนดไว้ว่า บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิ์อนุรักษ์ฟื้นฟูหรือส่งเสริม ภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีอันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติ จัดการบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืนตามวิถีการกำหนดบัญญัติและสิทธิคัดค้านการปิดประกาศของการประทานบัตร
ดังนั้น ผู้ร้องคัดค้านจึงขอใช้สิทธิ์ตามหลักสิทธิชุมชนและสิทธิตามกฎหมาย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทบทวนและยกเลิกคำขอประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่เฟลสปาร์ ดังกล่าวเสียนับตั้งแต่บัตรนี้เป็นต้นไปและแจ้งผลการดำเนินการภายใน 15 วัน เพื่อผู้คัดค้านและประชาชนตำบลเขาโจด รวมถึงประชาชนหมู่บ้านใกล้เคียงให้ทราบต่อไปด้วย
ด้านนางอารยา ไสลเพชร อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ขั้นตอนการขออนุญาตการขอประทานบัตร ตอนนี้อยู่ในขบวนการยื่นคำขอ และอยู่ในระหว่างการปิดประกาศ 30 วัน ชาวบ้านเห็นว่ามีการปิดประกาศก็เลยตกใจ จึงได้รวมตัวกันมาคัดค้าน ซึ่งขณะนี้ขบวนการยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้นและยังไม่มีการดำเนินการอะไรแต่อย่างใด และตอนนี้ในพื้นที่มันมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ ซึ่งการสร้างเหมือง จะเหลืออยู่ประมาณ 50- 60 ไร่ ซึ่งผู้ประกอบการจะมองว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือเปล่า ในเชิงเศรษฐศาสตร์ ก็ต้องนำมาประมวลใหม่นี่คือเรื่องที่หนึ่ง เรื่องที่สองคือเมื่อเรื่องไปถึงขั้นตอนเปิดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็น ซึ่งชาวบ้านก็มีสิทธิ์คัดค้านอยู่แล้ว ซึ่งอุตสาหกรรมจะรับเรื่องคัดค้านเอาไว้ทั้งหมดจากนั้นจะทำเรื่องไปถึงส่วนกลางเพื่อพิจารณาต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี