นักวิจัยตรวจพบสารหนูในแม่น้ำสาละวินเกินค่ามาตรฐาน 5 เท่า คาดมาจากเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ

นักวิจัยตรวจพบสารหนูในแม่น้ำสาละวินเกินค่ามาตรฐาน 5 เท่า คาดมาจากเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 18.12 น.

ตรวจพบสารหนูในแม่น้ำสาละวินเกินค่ามาตรฐาน 5 เท่า นักวิจัย มช.คาดมาจากเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ-แนะทางการเร่งตรวจซ้ำ-แจ้งเตือนประชาชน

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำสาละวินช่วงที่ไหลผ่าน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อต้นเดือนกันยายน 2568 ซึ่งเก็บตัวอย่าง 3 จุดมาตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบว่าจุดแรกบริเวณแม่น้ำสาละวินเหนือบ้านท่าตาฝั่งเล็กน้อย พบสารหนู 0.05 มก./ล. (ค่ามาตรฐาน 0.01 มก./ล.) จุดที่ 2 อุมิท่าด่านล่างหมู่บ้านท่าตาฝั่งเล็กน้อย พบสารหนูเท่ากับจุดแรกคือ 0.05 มก./ล. และจุดสุดท้ายบริเวณบ้านแม่สามแลบ พบสารหนู 0.04 มก./ล.


ผศ.ดร.ว่าน กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น ได้เคยมีผู้ส่งน้ำจากแม่น้ำสาละวินมาให้ตรวจแล้วครั้งหนึ่งซึ่งพบว่ามีสารหนูเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน ซึ่งนอกจากสารหนูแล้ว ยังพบว่าสารโลหะหนักตัวอื่นๆก็ปริ่มๆที่จะเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน ทำให้เสี่ยงสูง ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบเข้าไปตรวจสอบ และแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบ

“จริงๆแล้วทางการควรควรมีกระบวนการแจ้งเตือน เพื่อให้ประชาชนหยุดสัมผัสน้ำไปก่อน ผมไม่แน่ใจว่าตรงนั้นกรมควบคุมมลพิษได้เข้าไปตรวจคุณภาพน้ำหรือไม่”ผศ.ดร.ว่าน กล่าว

อนึ่ง แม่น้ำสาละวินมีความยาวประมาณ 2,800 กม.ไหลจากเทือกเขาหิมะในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เข้าประเทศพม่าผ่านรัฐฉาน รัฐคะเรนนี และลัดเลาะชายแดนไทย 127 กม.ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนไหลเข้ารัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ และไหลลงทะเลที่อ่าวเมาะตะมะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าสาเหตุของสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนครั้งนี้น่าจะมาจากสาเหตุใด ผศ.ดร.ว่านกล่าวว่า จากข้อมูลของ Stimpson Center พบว่ามีการทำเหมืองแร่ต่างๆและแรร์เอิร์ทบริเวณต้นแม้น้ำสาละวินจำนวนมาก แต่อยู่ไกลมากจากจุดเก็บตัวอย่างน้ำ จึงยังไม่แน่ใจว่ามีสาเหตุจากการทำเหมืองหรือไม่ ขณะเดียวกันในบางจุดยังมีการทำสวนยางพาราขนาดใหญ่ และมีน้ำที่ขุ่นมากไหลลงแม่น้ำสาละวิน ดังนั้นจึงยังตอบไม่ได้ชัดเจนว่ามีสาเหตุจากอะไรแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรกรณีที่ไทยและสหรัฐฯลงนามความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลก หรือที่เรียกสั้นๆว่า “MOU แรร์เอิร์ธ” ผศ.ดร.ว่านกล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการลงนามครั้งนี้ เพราะไม่คุ้มค่ากับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หากประเทศไทยต้องการเอาดีทางธุรกิจก็ควรใช้ช่องทางอื่นที่มีอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่เอาเรื่องความเสี่ยงของสุขภาพประชาชนมาแลก เพราะเราไม่แน่ใจว่า แม้บางคนบอกว่าจะไม่มีการสร้างเหมืองแรร์เอิร์ธ หรือถ้าสร้างก็ใช้เวลานาน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะแม้จะมีเทคโนโลยีสูง แต่ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ

“ปัญหาที่เหมืองแรร์เอิร์ธจากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังสร้างความเดือดร้อนขณะนี้ เรายังแก้ไขไม่ได้เลย แล้วเราจะมาทำในบ้านอีกหรือ มันไม่คุ้มกันเลย ประเทศไทยไม่ควรไปเสี่ยงกับเรื่องนี้ เรามีจุดเด่นเรื่องอื่นๆได้มากมายที่เกี่ยวกับนวตกรรมต่างๆ แต่เราไม่ควรแลกกับเรื่องสุขภาพ”ผศ.ดร.ว่าน กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top