16 มกราคม 2566 จากสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาอีกระลอก ซึ่งหนึ่งในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อที่น่าเป็นห่วงนั่นก็คือ 'เด็ก' ซึ่งเด็กจะมีอาการที่หลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่มักมีอาการคล้าย 'ไข้หวัดใหญ่' ซึ่งหากเด็กมีประวัติว่ามีการสัมผัสกับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดที่มีการติดเชื้อโดยไม่มีการป้องกัน ไม่สวมหน้ากาก หรือไม่รักษาระยะห่าง หรือใช้ข้าวของร่วมกัน ก็ควรรีบตรวจว่าเด็ก ติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ อาการที่เป็นใช่โควิดจริงหรือเปล่า
ยิ่งในกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือในเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน โรคเบาหวาน โรคหอบหืด และโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด เด็กกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวังตั้งแต่การป้องกันไม่ให้เด็กเกิดการติดเชื้อด้วยการดูแลสุขอนามัย เช่น ก่อนสัมผัสเด็กในแต่ละครั้ง ควรล้างมือให้สะอาด และไม่เข้าใกล้เด็กหากรู้สึกว่าตนเองไม่สบายตัว ซึ่งอาจมีการติดเชื้อโควิดแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจยืนยัน และในกรณีที่เด็กเกิดการติดเชื้อแล้ว ควรได้รับการดูแลจากกุมารแพทย์ และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อาการและความเสี่ยงเมื่อเด็กติดเชื้อโควิด
1.เชื้ออาจลงปอด ทำให้มีอาการรรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
2.มีผลกระทบต่อพัฒนาการและสภาพจิตใจของเด็ก เพราะต้องทำการรักษาหรือกักตัวอยู่ในพื้นที่แคบเป็นเวลานานถึง 10 วัน ทำให้เด็กรู้สึกเบื่อ เนื่องจากไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อน
3.ภาวะ MIS-C ซึ่งเป็นอาการอักเสบรุนแรงที่เกิดได้ในหลายระบบของร่างกาย สามารถเกิดได้ตั้งแต่ติดเชื้อไปจนถึงหายจากโควิดแล้ว 2-8 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น ไข้สูง อาเจียน ท้องเสียรุนแรง ผื่นขึ้นตามตัว ปวดหัว ซึม หรือมีอาการชัก ตาแดง ปากแดง ปากแห้งแตก ตุ่มรับรสที่ลิ้นมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หายใจเหนื่อย หอบ ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ
สังเกตอาการเมื่อเด็กได้รับเชื้อโควิด-19
มีไข้สูง 37.5 องศาเซลเซียส
หายใจติดขัด หรือ หายใจเร็ว
จมูกไม่ได้กลิ่น เเละลิ้นไม่รับรส
คลื่นไส้อาเจียน มีอาการท้องเสียร่วมด้วย
ผื่นขึ้นตามตัว
ไอ มีเสมหะ หรือ เจ็บคอ
เบื่ออาหาร หรือในเด็กทารกอาจจะกินนมได้น้อยลง
การรักษาเมื่อเด็กติดโควิด
รักษาตามอาการของเด็กในแต่ละคน หากมีอาการรุนแรง ไม่ว่าจะไข้สูง อาเจียน ถ่ายเหลว หรือมีอาการชัก จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ แต่หากไม่มีอาการหรืออาการไม่มาก ก็ให้กักตัวที่บ้าน โดยคุณพ่อคุณแม่จะต้องเฝ้าดูอาการของลูกตลอดเวลา และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติให้รีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที
ควรเริ่มฉีดวัคซีนโควิดในเด็กตั้งแต่อายุกี่ปี ?
วัคซีนโควิด เริ่มฉีดได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งควรฉีดให้ครบตามกำหนด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เเข็งเเรง และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงในระหว่างที่ติดเชื้อโควิด
การป้องกันจากเชื้อโควิด-19
เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร
สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้าน และควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวันล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสบริเวณหน้า โดยเฉพาะ ตา จมูก ปาก
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการใช้ของเล่นหรืออุปกรณ์ร่วมกัน
หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปที่แออัด หรือมีคนพลุกพล่าน
ทั้งนี้ ควรให้เด็กที่มีช่วงอายุตามเกณฑ์ เข้ารับ “การฉีดวัคซีนโควิด” ให้ครบตามกำหนด และหมั่นตรวจเช็กอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากมีการสัมผัสกับผู้ป่วย หรือมีอาการป่วยหลังจากการไปโรงเรียน ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงหากมีการติดเชื้อโควิดในเด็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล บทความ เด็กติดโควิด ต้องระวังอย่าให้อาการรุนแรง 'https://bit.ly/3XhRxtu'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี