ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งทนายความอดีตกรมอุทยานฯแก้ไขคำฟ้องและให้ยื่นฟ้องใหม่คดียื่นฟ้อง"ผบก. ปปป. -ชัยวัฒ์น์"กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษรับเงินกว่า 9 หมื่น ศาลระบุชัดคำฟ้องยังไม่ชัดเจน ขณะที่ศาลสั่งบช.ก.แจงรายละเอียด สาเหตุ ขั้นตอนจับกุม พร้อมนัด"รัชฏา"เบิกความ 23 ก.พ.นี้ และนัดฟังคำสั่งจะรับฟ้องคดีหรือไม่ 30 มี.ค. ด้านทนายเผยอดีตอธิบดีฯ เตรียมฟ้อง จนท.ปปช.ปฏิบัติมิชอบอีกสำนวน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.พ ที่ห้องพิจารณาคดี 405 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อท.23/2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ (ผบก.ปปป. ) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี กับพวกรวม 7 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ความผิดต่อเสรีภาพ, ทำพยานหลักฐานเท็จฯ, เจ้าพนักงานกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ, บุกรุก, ซ่องโจรฯ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
กรณีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2565 กำลังเจ้าหน้าที่ที่ตำรวจ บก.ปปป. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เข้าจับกุมผู้นายรัชฎา ผู้ถูกกล่าวหา ฐานเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด โดยมีการล่อซื้อ ติดกล้องวงจรปิด มีการนำซองสีขาวบรรจุเงิน จำนวน 3 ซอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 98,000 บาท มามอบให้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม และยังพบเงินสดบนโต๊ะทำงานอีก เกือบ 5 ล้านบาท
นายรัชฎา เห็นว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษจึงมอบหมายให้ทนายความนำคดีมายื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 ก.พ ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์ คำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า คำฟ้องบางส่วนยังฟ้องไม่ถูกต้องในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฯ เนื่องจากโจทก์ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดว่าผู้ถูกฟ้องละเมิดอย่างไร และต้องชี้ช่องพยานหลักฐานนำสืบเพื่อให้ศาลเห็น และให้ยื่นฟ้องคดีมาใหม่ภายใน 15 วัน
ส่วนการฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ความผิดต่อเสรีภาพ ,ทำพยานหลักฐานเท็จฯ, เจ้าพนักงานแกล้งให้ต้องรับโทษ บุกรุก ซ่องโจร ศาลมีคำสั่งให้นายรัชฎา ในฐานะโจทก์ต้องมาไต่สวนถึงพฤติการณ์ก่อนและในขณะถูกจับกุมวันที่ 23 ก.พ. นี้ เวลา 09.30 น. หากไม่เดินทางมาไต่สวนด้วยตัวเองถือว่าไม่ประสงค์ฟ้องคดีต่อ
นอกจากนั้นศาลมีคำสั่งให้ออกหนังสือสอบถามไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง( บช.ก.)เพื่อให้ทำรายงานมายังศาลใน 4 ประเด็น คือ
- มูลเหตุการเข้าจับกุมนายรัชฎาที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 27 ธ.ค ที่ผ่านมา
-ชี้แจงขั้นการจับกุมว่ามีหมายค้น หรือหมายจับนายรัชฎาหรือไม่
-การบันทึกภาพ เสียงของชุดจับกุมได้นำภาพไปเผยแพร่หรือไม่ ซึ่งการนำไปเผยแพร่เกี่ยวข้องกับการทำคดีหรือความลับทางราชการหรือไม่
- เงินจำนวน 98,000 บาท รวมทั้งพยานหลักฐานที่ตรวจยึดในห้องทำงานที่ยึดไปมีการบันทึกจับกุมไว้หรือไม่ โดยให้ตำรวจทำรายงานส่งให้ศาลภายใน 30 วันหลังจากได้รับหนังสือ และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาทางคดีในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ภายหลังนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของนายรัชฎา เปิดเผยว่า ตนเตรียมแก้คำฟ้องตามคำสั่งของศาลและจะยื่นฟ้องใหม่ให้ทันตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนด และนายรัชฎา จะมาไต่สวนที่ศาลด้วยตัวเองในวันที่ 23 ก.พ.นี้ พร้อมยังยืนยันว่าการเข้าตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ต้องมาฟ้องให้ศาลดำเนินคดีตามข้อหาดังกล่าว
สำหรับสาเหตุของการเข้าจับกุมของตำรวจ และนายชัยวัฒน์ ในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากการร้องให้ตรวจสอบกรณีที่นายชัยวัฒน์ เมื่อสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยเมื่อปี 2555 มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อนำไปทำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4,200 ไร่ ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท แต่ไม่มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว จึงมีการร้อง ปปท.ตรวจสอบ ซึ่งทางปปท.ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบ กระทรวงฯจึงดำเนินการต่อ แต่เมื่อนายชัยวัฒน์เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ คดีได้ส่งมาถึงสำนักงาน ป.ป.ช. แล้วและอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาชี้มูลความผิด ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในเดือน ม.ค.นี้แล้ว
"โครงการนี้มีการเบิกจ่ายงบประมาณเป็น 3 งวด โดยงวดแรกได้เบิกงบไปในวันที่ 29 มีนาคม 2556 แต่โครงการดังกล่าวไม่มีการปลูกป่าจริง ทำให้กระทรวงทรัพยากรฯ ได้รับความเสียหาย ซึ่งตัวแทนกระทรวงทรัพยากรฯจะไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนท้องที่รับผิดชอบในจังหวัดเพชรบุรีต่อไป ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างรอการลงนามจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นต้นเหตุทำให้นายชัยวัฒน์ ไปร่วมกับตำรวจ บก.ปปป. วางแผนล่อซื้อให้เข้าจับนายรัชฎา จนทำให้เกิดความเสียหาย
นายวราชันย์ กล่าวอีกว่า นอกจากคดีนี้แล้ว นายรัชฎายังเตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช. เพิ่มเติมอีก 1 สำนวนเนื่องจากเข้าข่ายความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน
ส่วนสำนวนคดีนี้เป็นการฟ้องนายชัยวัฒน์ และตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนกรณีที่นายรัชฎา อ้างว่าเงินที่ได้รับจากหน่วยงานในสังกัดเป็นการนำไปสร้างพระบรมราชนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จำลอง เพื่อหาเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือข้าราชการสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ นั้น นายวราชันย์ ยืนยันว่า ข้อมูลในส่วนดังกล่าวยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากเป็นข้อมูลในการใช้ต่อสู้ทางคดี.-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี