วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
‘ชูวิทย์’แจ้งจับ‘หยู ซินฉี’คดีม.112
แฉอีก‘ไบ๋เจ้า ฮวย’
มาเฟียแก๊ง 14K ตั้งสมาคมเถื่อน
จ่อร้องนายกฯเดินหน้าจัดการ
รทสช.ยันไม่เกี่ยวข้องทุนสีเทา
ซัดการกล่าวหาต้องมีข้อเท็จจริง
“ชูวิทย์’แจ้ง ม.112 เอาผิด“หยู ซินฉี” พบต่อวีซ่าเกษียณที่หนองปรือ เป็นบ้านร้างมีสุนัข 2 ตัว แฉต่อ “ไบ๋เจ้า ฮวย” มาเฟียแก๊ง 14K ของชาวจีนที่มีลักษณะเป็นการซ่องสุมอั้งยี่ มีที่ตั้งสมาคมย่าน ถ.ศรีวรา วอน“บิ๊กโจ๊ก”-ปกครอง ลุยปราบ
ขณะที่ ‘รังสิมันต์ โรม’ เปิดหลักฐานมัด สว.ฉาว ยื่นปปช.สอบ ด้าน รทสช.ไม่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ สน.นางเลิ้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดัง เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายหยูซินฉี ประธานสมาคมชาวจีนต่างๆ ในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพบว่านายหยู ได้ตั้งสมาคมเถื่อนและแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมข้อมูลและพฤติการณ์ของนายหยู มานาน ก่อนจะส่งให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภา โดยนายหยู เป็นตัวอย่างของทุนจีนสีเทาอีกประเภท ที่อวดอ้างตนว่าใกล้ชิดกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งสถาบันหลัก โดยนายหยู ได้ต่อวีซ่าประเภทเกษียณที่ จ.ชลบุรี แต่เมื่อไปตรวจสอบพบเป็นบ้านร้านในย่านหนองปรือ มีเพียงสุนัข 2 ตัว ส่วนตัวนายหยูอยู่กรุงเทพฯ โดยบ้านดังกล่าวลักษณะเหมือนกับบ้านร้างที่ภาคอีสานที่จัดตั้งเป็นสมาคมเถื่อน ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความรั่วไหล ถึงเวลาที่ควรจะย้ายสังกัดให้ไปขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า นายหยูยังนำเรื่องแอบอ้างสถาบันไปอวดอ้างกับชาวจีนให้เกิดความเข้าใจผิด จึงเห็นควรจะแจ้งข้อหาตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งกฎหมายข้อนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ด้วยพฤติการณ์นายหยู มีความเข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงต้องการแจ้งข้อหานี้เพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาวไทย พร้อมฝากให้ ผบ.ตร.ต้องจัดการให้ถูกคน ถูกเรื่อง โดยตนจะแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพิ่มเติม จากการที่นายหยู กล่าวหาว่าข้อมูลเรื่องทุนจีนเทาของตนเป็นเศษขยะ
อย่างไรก็ตาม ตนยังพบว่ามีสมาคมต่างๆ ถึง 500-600 กลุ่มเฉพาะที่ จ.ชลบุรี ไม่ทราบว่ากระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบสมาคมเหล่านี้หรือไม่ และยังมีกลุ่มชาวจีนที่เปิดสำนักงานทนายความโดยใช้ชื่อชาวไทยบังหน้า มีที่ตั้งย่านพระราม 9 แต่แท้จริงกลับใช้ทนายคนจีน ที่สำคัญยังมีสมาคมเถื่อนของนายไบ๋เจ้า ฮวย มาเฟียแก๊ง 14K ของชาวจีนที่มีลักษณะเป็นการซ่องสุมอั้งยี่ มีที่ตั้งสมาคมย่าน ถ.ศรีวรา โดยในบ่ายวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้.ตนจะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายหยู ถูกแจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร และความผิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นพบว่าลักษณะของสมาคมเถื่อน มีทั้งการตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม ส่วนข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ต้องมีผู้กล่าวหา โดยนายชูวิทย์ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีในการปกป้องสถาบัน ตนได้นำเรียนให้ ผบ.ตร.รับทราบแล้ว จากนี้ตำรวจจะรับเรื่องดำเนินการต่อไป และทยอยตรวจสอบพร้อมเพิกถอนสมาคมเถื่อนร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกคำชี้แจงที่มีผู้อภิปรายในสภา พาดพิงพรรคเกี่ยวข้องกับทุนสีเทา ว่า พรรคจำเป็นต้องรักษาเกียรติยศของพรรค เพราะได้ชี้แจงแล้วว่า ได้เช่าพื้นที่ทำการพรรคอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และพรรคได้แจ้งแล้วว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของตึก ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอะไร และได้มีการฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิ์ไปแล้ว และย้ำว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับทุนสีเทาและไม่มีวันเกี่ยวข้อง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเองก็ยืนยันชัดเจน ว่าตัวท่านและในพรรคไม่มีวันเกี่ยวข้อง หากใครเกี่ยวข้อง สั่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่พาดพิงหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้มีคดีขึ้นศาล ถ้าหากจำเป็นก็จะให้ฝ่ายกฎหมายไปดู ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่มีใครอยากค้าความ เพราะการอภิปรายเป็นกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องมีข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่เอาเรื่องไม่จริงมากล่าวหาพาดพิง ถ้าชี้แจงแล้วจบก็จบไป แต่ถ้าไม่จบก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู
ส่วนเรื่องที่ยังมีการพูดพาดพิง ทั้งยังเป็นช่วงการหาเสียงนั้น นายธนกร กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงไปแล้ว ว่าเกี่ยวข้องกับพรรคใดบ้างและอดีตรัฐมนตรีคนไหนบ้าง และเชื่อว่าประชาชนรับทราบข้อมูล ดังกล่าว และต้องติดตามต่อไป
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีที่ส.ว.รายหนึ่งต้องสงสัยว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ซึ่งเป็นการแถลงตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรมอัลลัวร์ รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ให้กับบุคคลรายหนึ่ง เนื่องจากพบหลักฐานว่ามีการซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรมอึมครึม ทั้งชี้ว่ายังมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จในการซื้อขายดังกล่าว โดยจะยื่นให้ปปช.สอบสวนในเร็ว ๆ นี้
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา กล่าวถึงการพิจารณากรณีจริยธรรมของส.ว.รายหนึ่งที่ถูกอภิปรายพาดพิงในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมายว่า คณะกรรมการจริยธรรมฯ ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ เพราะได้ยินเพียงจากข่าว ยังไม่มีร้องเข้ามา ทราบว่าส.ว.ที่ถูกพาดพิงฟ้องร้องดำเนินคดีกับคนที่อภิปรายแล้ว หากเรื่องนี้ถูกนำไปสู่ศาล ก็เป็นเรื่องดี จะได้มีความชัดเจน
“ตามกระบวนการแล้ว กรรมการจริยธรรมจะพิจารณาจริยธรรมของสมาชิก เมื่อมีผู้ร้องเข้ามา โดยมีตัวตนคนร้องหรือมีเอกสารหลักฐานชัดเจน แล้วกรรมการหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบเองได้ หากพบว่าข้อมูลมากพอ ประจักษ์ชัด แต่กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงอะไร ใครจะทำอะไรก็ได้ ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่หากมีส.ว.เข้าไปเกี่ยวข้องและร้องเข้ามาก็ต้องตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่ช่วยเหลือใครอย่างแน่นอน” นายสมชาย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี