132 ปี กระทรวงยุติธรรม" ก้าวต่อไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบริหารงานยุติธรรมของประเทศ
วันที่ 23 มีนาคม 2566 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาทางวิชาการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในหัวข้อ “132 ปี กระทรวงยุติธรรม ก้าวต่อไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบริหารงานยุติธรรมของประเทศ” โดยมีนางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเสกสรร สุขแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นางสาวพัชรศรี ศรีเมือง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ผู้บริหารและบุคลากรกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมงาน
สำหรับการเสวนาทางวิชาการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในหัวข้อ “132 ปี กระทรวงยุติธรรม ก้าวต่อไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบริหารงานยุติธรรมของประเทศ” โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมควรมุ่งเน้นส่งเสริมหลักนิติธรรม ควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในเรื่องของ การลดโทษทางอาญา (โทษจำคุก) เปลี่ยนโทษอาญาเป็นโทษปรับ ซึ่งจะทำให้ผู้ต้องโทษมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น คืนผู้ต้องโทษกลับสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปรับวิธีการปฏิบัติต่อผู้ต้องโทษ อาทิ ควรมีการรับรองฝีมือและทักษะทางการปฏิบัติงานให้กับผู้ต้องโทษที่มีทักษะวิชาชีพที่ดี เน้นในเรื่องของการพัฒนาและแก้ไขพฤตินิสัยเป็นหลัก อีกทั้ง กระทรวงยุติธรรม ควรบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนกฎหมายใหม่ และควรจะมีการปรับกระบวนการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านค่าใช้จ่ายและด้านอื่น ๆ
ด้านศาสตราจารย์ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน กระทรวงยุติธรรมควรให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกระดับอย่างแท้จริง ซึ่งกองทุนยุติธรรม ควรปรับการให้บริการแก่ประชาชนให้ได้รับความพึงพอใจอย่างเพียงพอและครบวงจร อีกทั้งควรคำนึงถึงค่าใช้จ่าย และระยะเวลาที่เกิดขึ้นในระหว่างคดีด้วย
ทางด้านว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร กรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์กฎหมายให้ประชาชนได้รับรู้และมีความรู้อย่างทั่วถึงนั้น จะทำให้ช่วยประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย ซึ่งควรบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่ออำนวยความยุติธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
ส่วนศาสตราจารย์ ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า บทบาทของกระทรวงยุติธรรมต้อง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โดยเข้าใจบริบทที่เป็นอยู่ในสังคม รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร จะต้องทำกฎหมายให้เกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง ทั้งนี้ควรคิดใหม่ พร้อมรับมือ และตื่นตัวอยู่ตลอด อีกทั้งปรับกรอบความคิดในกระบวนการยุติธรรมให้เป็นการพัฒนา มุ่งเน้นประชาชนเป็นหลัก พร้อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง หน่วยงานภายในและภายนอก อีกทั้งให้คำนึงถึงผู้เสียหายในเรื่องของการดูแลอย่างจริงจังและครบวงจรต่อไป
ด้านนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงยุติธรรมสามารถตอบโจทย์ได้ในทุกกระบวนงานในกระบวนการยุติธรรม หากมองไปถึงสถาบันการศึกษา ในส่วนของการปฏิรูปการศึกษาทางด้านกฎหมาย เราต้องปรับเปลี่ยนบทบาท เพื่อปรับนิติทัศนะและมุมมองของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ในเรื่องของการเรียนการสอน เปลี่ยนการเรียนรู้ด้านกฎหมาย การบริหารงานยุติธรรม การอำนวยความยุติธรรม คำนึงถึงผลลัพธ์ของการบังคับใช้กฎหมายว่าเกิดผลอย่างไรในสังคม หากสถาบันการศึกษาใดมีความประสงค์ให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับปรุงในเรื่องดังกล่าว ทางกระทรวงฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“จุดแข็งของเรา ก็คือ การที่กระทรวงยุติธรรมมีบุคลากรที่มีความหลากหลายทางอาชีพ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการแทรกซึมอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อบูรณาการและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม มีความเข้มแข็ง และสามารถกำหนดทิศทางของกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้อย่างถูกต้องต่อไป” ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี