ศาลปค.สูงสุด กลับคำสั่งเป็นให้ยกคำขอ”สืบพงษ์”ปราบใหญ่”ขอคุ้มครองชั่วคราว ชี้เบื้องต้นยังฟังไม่ได้ว่า คำสั่งถอดถอนพ้นอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่ชอบด้วยกม.
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งศาลปกครองกลางเป็นยกคำขอของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาในคดีที่นายสืบพงษ์ ยื่นฟ้อง สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ศาสตราจารย์ สมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ,นายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง และผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล ทองประยูร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่1-4 กรณี สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง มีคำสั่งถอนถอนนายสืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาลเป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีที่สภามหาวิทยาลัยฯ อ้างเหตุถอดถอนว่านายสืบพงษ์ใช้คุณวุฒิปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.พ. มาสมัครเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติไม่มีฐานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมาแต่แรก และแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ขาดจริยธรรมนั้น สภามหาวิทยาลัยฯ ได้มีการบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมของสภามหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 24 ส.ค.65 โดยที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้นายสืบพงษ์ ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และสภามหาวิทยาลัยฯ ได้พิจารณาข้อมูลจากสำนักงาน ก.พ. อีกครั้งในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2565โดยนายสืบพงษ์ได้เข้าร่วมประชุมด้วย และได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของตนเอง กรณีจึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า สภามหาวิทยาลัยฯ ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในการมีมติถอดถอนนายสืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ส่วนที่สภามหาวิทยาลัยฯ อ้างเหตุถอดถอนว่า นายสืบพงษ์มีพฤติการณ์ให้ความช่วยเหลือ แก่นาย ส. ซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยการรับโอนที่ดินจากนาย ส. จำนวน 2 แปลง และกล่าวอ้างว่า เงินของนาย ส. ที่ถูกยึดเป็นของกลางส่วนหนึ่ง จำนวน4.5ล้านบาท เป็นเงินของนายสืบพงษ์ และเมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายสืบพงษ์ จนกระทั่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ที่ดินและเงินที่นายสืบพงษ์ กล่าวอ้างตกเป็นของแผ่นดิน นายสืบพงษ์ก็ไม่ได้รายงานให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งเป็นต้นสังกัดทราบ การกระทำของนายสืบพงษ์เป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้บริหารตามที่กฎหมายกำหนด และกรณีที่สภามหาวิทยาลัยฯ อ้างเหตุถอดถอนว่า นายสืบพงษ์ ยื่นหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นการกระทำที่ขาดไร้จริยธรรมและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่จำต้องพิจารณาว่าการดำเนินการของสภามหาวิทยาลัยฯก่อนมีมติถอดถอนนายสืบพงษ์ ในทั้งสองกรณีดังกล่าวมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่มีผลทำให้ขั้นตอนในการดำเนินการของสภามหาวิทยาลัยฯ ก่อนที่จะมีมติถอดถอนนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้วยเหตุพฤติการณ์การกระทำของนายสืบพงษ์ ในกรณีที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสืบพงษ์เปลี่ยนแปลงไป ในชั้นนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่า มติและคำสั่งที่ถอดถอนนายสืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมายที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติและคำสั่งดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา สั่งเพิกถอนมติสภา ม.รามคำแหง ปลด นายสืบพงษ์ พ้นตำแหน่งอธิการบดี ม.ราม โดยเห็นว่าเป็นมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เปิดโอกาสนำพยานหลักฐานชี้แจ้งก่อนลงมติ ซึ่งเป็นคนละสำนวนกับคดีในวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี