ทลายเครือข่าย‘เอี้ยก้วย’
ยึดยาบ้า1.3ล้านเม็ด
สืบนครบาลขยายผลเครือข่ายเอี้ยก้วย ทลายขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด กว่า 1.3 ล้านเม็ด เข้าสู่กลางมหานครตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและเป็นหนึ่งในปัญหาชาติที่สำคัญ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สําเริง สวนทอง รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ, พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่รายสำคัญ ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายลงสู่ชุมชน
โดยได้ร่วมทำการจับกุม 1.นายชัยคุปต์ หรือเบีย อายุ 41 ปี 2. นายสุวิชา หรือไมค์ อายุ 40 ปี พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 1,395,000 เม็ด รถยนต์กระบะสี่ประตูสีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน โดยกล่าวหาว่า “ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” สถานที่จับกุมบริเวณริมถนนติวานนท์ ปากซอยติวานนท์ 14/2 ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 21.20 น.
พฤติการณ์ในคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 สืบนครบาลขยายผลจากเครือข่ายเอี้ยก้วย ที่จับกุมและยึดยาเสพติดจำนวนมาก 2 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยได้ทำการสืบต่อเนื่องจนทราบว่ายังมีผู้ต้องหาในเครือข่ายได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากบริเวณจังหวัดอยุธยาและบางปะอิน เข้ามากระจายในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามวันเวลาที่จับกุมจึงได้วางแผนและเฝ้าจุด จนกระทั่งพบรถยนต์ของผู้ต้องหาได้ขับผ่านมา จึงสะกดรอยติดตามแล้วเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน ทราบชื่อภายหลังว่านายชัยคุปต์ และนายสุวิชา พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,395,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะได้สืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายชัยคุปต์ ปี 2550 เคยถูกจับกุม ในคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย สน.บางพลัด และ ปี 2559 ในคดีมีไว้ในความครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 หรือประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต สภ.บางกรวย เพิ่งพ้นโทษมาได้ 2 ปี ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ค่าจ้าง ครั้งละ 50,000 บาท โดยผู้ต้องหาที่ 1 แบ่งให้ ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวน 10,000 บาท
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า กก.2 บก.สส.บช.น. ได้เร่งรัดทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ รายสำคัญ และเน้นย้ำให้มีการขยายผลแหล่งที่มาของยาเสพติด มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายสู่ชุมชน พื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นภัยร้ายต่อสังคม เด็กและเยาวชนของเราควรเติบโตภายใต้สังคมที่ปลอดภัยและไร้ยาเสพติด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
ด้านหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการซื้อขายและลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดกำลังพล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแซว ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติประมวลกฎหมายยาเสพติด ขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้ตรวจพบกระสอบสีขาว มัดปิดปากถุงตกอยู่ บริเวณชายป่าของหมู่บ้านแม่แอบ หมู่ 11 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบ พบว่าภายในกระสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ห่อหุ้มด้วยกระดาษสีขาวและกระดาษฟอยล์และพันด้วยเทปดำ จำนวน 100 ห่อละ 2,000 เม็ด รวมทั้งสิ้นประมาณ 200,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดและนำของกลางส่ง สภ.บ้านแซว ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ขณะที่พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยากวาดล้างจับกุมผู้เสพและผู้ขายยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ และให้ขยายผลจับกุม ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองพัทยา นำโดย พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ร.ต.อ.ประสิทธิบุญ บุญประสิทธิ์ รอง สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงทำการกวดขันกวาดล้างจับกุม และสามารถจับกุมผู้ต้องหารายแรก นายทองแดงหรือแดง แสนทิม อายุ 50 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1. ยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 90 กรัม และ ยาบ้าจำนวน 79 เม็ด ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 269/11 ซ.เขาขยาด ม.5 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังจากนั้นส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อวินดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”
ต่อมาสามารถจับกุมนายภัทรดร หรือบอล รุจิธนัย อายุ 35 ปี และ นายณรงค์วัฒน์ หรืออั้ม แสงขำ อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1. ยาบ้า จำนวน 6,800 เม็ด 2.ยาเคตามีน ชนิดเกล็ดสีขาวขุ่น น้ำหนักรวมประมาณ 10.8 กรัม พร้อมตรวจยึด เครื่องชั่งแบบดิจิทัล จำนวน 1 อัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีน้ำเงิน-แดง หมายเลขทะเบียน 2 กน 822 นครราชสีมาจำนวน 1 คัน พร้อมตรวจยึด รถยนต์โตโยต้าฟอจูนเนอร์ สีขาว ดำ ทะเบียน จต 4966 ชลบุรี และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX150 สีเทา แดง ทะเบียน 2กว 5758 ชลบุรี ที่บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง ม.4 ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และขยายผลตรวจค้นอีก 3 จุด ร้าน ก.ไก่ หมูกระทะ ม.๔ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง บ้านเลขที่ 258/143 ม.3 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และห้องเช่าไม่มีเลขที่ ม.๓ ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนส่งดำเนินคดีในข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้า อันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี