nn ถ้าการตัดงบฯสืบเนื่องมาจากความแค้นความชิงชังใดๆหรือจงใจประสงค์ต่อผลให้กระทบกระเทือนใคร หรือการตัดงบฯศูนย์ฝึกอาชีพทิ้งทั้งหมด สาเหตุเพราะต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งบฯไปในด้านอื่น ตรงนี้ก็ยิ่งเป็นปัญหาหนัก ด้วยสาเหตุที่ว่าการบริหารเงินนั้น ฝ่ายบริหารเขารับผิดชอบ ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของสภาฯ อย่างไรก็ตามถ้าการตัดงบฯประมาณศูนย์ฝึกอาชีพประเภทโละล้างทิ้งทั้งหมด ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง (เว้นเสียแต่ว่าทางศูนย์ฯต้องการปรับปรุงครั้งใหญ่แต่จะต้องประกาศล่วงหน้า) ยิ่งกว่านั้นข้ออ้างว่าศูนย์ฝึกฯสวนลุมพินีมีบุคคลภายนอกเข้าไปเรียนกันมาก หรือมีคนเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าล้วนเป็นคนหน้าเดิม คนใหม่มีจำนวนน้อย ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือข้ออ้าง เพราะวิชาที่เปิดอบรมบางวิชา หากถ้าไม่ “ดัดจริต-คิด-พูด-มอง” อย่างอคติ อธิบายได้ว่าไม่อาจใช้เวลาปลุกเสกให้ผู้เข้าอบรมเชี่ยวชาญเก่งกาจออกไปประกอบอาชีพหรือไปแข่งขันกับคนอื่นได้ เช่น วิชาที่เคยสงวนไว้ให้คนไทย ตัดผ้า, ตัดผม, เทคนิคการนวด, เสริมสวย, ช่างไฟฟ้า, ช่างแอร์ฯ (ยกเว้นการฝึกทำขนมนมเนย) คนที่ประสงค์จะยึดเป็นอาชีพมั่นคงต่างล้วนเรียนกันหลายคอร์สจึงเกิดความชำนาญ ก็ไม่ต่างจาก สก.บางคนสอบตกแล้วสอบตกอีกก็ยังเพียรพยายามทำความดีเข้าถึงประชาชน จุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจเลือกเข้าสภาฯ เนื่องจาก สก.คนนั้นมีความมุ่งมั่นจะทำประโยชน์ให้ประชาชน สังคม

nn ดังนั้น กรณีนักเรียนฝึกอาชีพที่เขาอบรมกันคนละหลายคอร์สก็เพื่อบ่มตัวเองให้เกิดความชำนาญในฝีมือ ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิดหรือน่าเกลียดน่าขยะแขยงใดๆ เลย 

nn ขณะเดียวกันเขตปทุมวันเองก็ต้องเข้าใจ และวางมาตรการเข้าถึงปัญหาด้วยการเอาตัวเองจำลองเป็นที่ตั้งว่า 1-2 เดือน ถ้าตนเข้าอบรมมันจะซึมซับ หรือเข้าใจเทคนิคลึกๆ สลับซับซ้อนได้หรือไม่ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าทุกศูนย์ฯล้วนเป็นอย่างนี้ทั้งสิ้น ศูนย์ฝึกฯมีนบุรี ที่โด่งดังไม่แพ้ศูนย์ฝึกฯสวนลุมพินี ก็มีรายชื่อคนเข้าอบรมกันหลายๆ ครั้ง มาจากหลายๆ พื้นที่ คนเมืองมีนเองมีไม่มาก ตรงนี้สามารถพิสูจน์ได้ บางศูนย์ฝึกฯคนเรียนน้อย ทว่า สถานที่มาตรฐาน เนื่องจากได้รับที่ดินบริจาคมาก เช่น สะพานสูงบางวิชา 10-15 คนเขาก็เปิดเรียน ทั้งนี้ ก็เพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนไม่เลือกหน้า แถม ผอ.เขตทุกคนเข้าใจปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นความคิดเจตนารมณ์ที่ดียิ่งยอมรับว่าศูนย์ฝึกฯบางศูนย์ฯมีรายชื่อผีเข้าไปสอดแทรก แต่ต้องว่ากันไปเป็นกรณีๆ ไม่ใช่เหมารวมเอาสิ่งไม่ดี หรือความกาลี หรือเอาสีดำไปป้ายบี้จนเป็นที่มาของการตัดงบฯทิ้งทั้งหมด

nn ถ้าสมมุติเกิดมีสก.สักคนทำไม่ดีมีปัญหาทางความคิด พูดง่ายๆ ประชาชนเลือกเข้าสภาฯแบบปิดหน้าปิดตาจิ้มลงคะแนน หรือมีคะแนนเข้ามาน้อย ประชาชนทราบภายหลังว่า สก.คนนั้นไร้คุณภาพประท้วงขับไล่ จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการ “โละล้าง สก.” ทั้งสภาฯก็ย่อมไม่ถูกต้อง หลักคือต้องว่าไปตามตัวปัญหา 

nn การตัดงบฯศูนย์ฝึกฯก็ไม่ต่างกันไม่ใช่นึกจะตัดก็ตัดตามความรู้สึก ถ้าตัดมีวัฒนธรรมก็ไม่น่าเกลียดการตัดลักษณะ “เหี้ยนเตียน” หนำซ้ำยังมีเสียงใครบางคนสั่งให้เขตปิดประกาศปิดศูนย์ฯอย่างเอาเป็นเอาตาย คำถามที่ผู้คนเขาข้องใจ คือผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รู้สึกอย่างไร หรือจะยกมือไหว้ขอบคุณฝ่ายที่จงใจตัดงบทิ้งว่า รอบคอบดีแล้วชอบแล้ว อย่าลืมศูนย์ฝึกฯแห่งนี้มีมานานผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายทศวรรษสร้างเกียรติประวัติดีๆ ช่วยคนตกงานมามากมาย ผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนสนับสนุนแต่สมัยท่านกลับถูกย่ำยีจนถูกมองว่า “เน่าเละ” ทั้งๆ ท่านตั้งใจทำงานสูงมากจนหน้าดำคร่ำเครียด เวลาอยู่กับครอบครัวน้อย นอนน้อย พักผ่อนน้อยการใช้งบกลางแก้เผ็ดนั้นถูกต้อง ทว่า ข้อสำคัญท่านควรทุบโต๊ะสั่งการเขตปทุมวัน ประกาศให้ชัดเจน เมื่อไหร่ตอนไหนเปิดศูนย์ฯ ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เขตบางคนเดินตามผู้มีอิทธิพลในสภา กทม. บางคน ซึ่งเขาจะสั่งให้แก้ผ้า ถอดเสื้ออย่างไรก็ได้ อย่างนี้ถ้าพบเจ้าหน้าที่เขตคนไหนกระทำต้องไม่ปล่อยเอาไว้ให้แพร่เชื้อเพราะถ้าเกิดเรื่องใหญ่ภายหลัง ฝ่ายบริหารอาจหนีพ้นคำประณาม ดูจากเหตุการณ์นครปฐมเป็นตัวอย่างเถิด

nn เหนืออื่นใดถ้าพบเจ้าหน้าที่ข้าราชการเขตคนใดหน้าไหว้หลังหลอก พูดกลับไป-กลับมาลักษณะให้การเอาตัวรอด สร้างความแตกแยกท่านผู้ว่าฯก็จงอย่าปล่อยไว้ ฝ่ายบริหารที่ดีอย่างคณะของท่านแสดงออกบอกชัดเจนว่า ท่านไม่ชอบนั่งห้องแอร์ ใครทำตัว “กาลกิณี”เห็นปัญหาไม่สะสาง ย้ำว่าอย่าปล่อย เพราะสุดท้ายจะเป็นเหลือบกัดกินความรู้สึกประชาชน และกระทบฝ่ายการเมือง nn
 

ไผ่ฎำ