ส่งตัวนอนสถานพินิจฯคืนแรก
มือยิงเครียด
วิตกกังวล-พูดน้อย-ไม่อยากอาหาร
บุกรวบ 3 พ่อค้าขายปืนเถื่อน
มท.1 คลอด 8 มาตรการรับมือ
งดออกใบอนุญาต-ห้ามพกพา
เด็กวัย 14 ปี มือกราดยิงที่สยามพารากอน นอนสถานพินิจฯ คืนแรกมีความวิตกกังวล พูดน้อย ไม่อยากอาหาร ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ออก 8 มาตรการระยะสั้น ห้ามออกใบอนุญาต คุมอาวุธปืน-เครื่องกระสุน-บีบีกัน ประชาชนห้ามพก คุมกำเนิดร้านปืนเกิดใหม่ ย้ำ “บีบีกัน” ต้องนำมาขึ้นทะเบียน ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ชงยาแรง! ออกก.ม.
ริบอาวุธปืนภายใน 6 เดือน เพิ่มโทษเอาไปก่อเหตุโทษประหาร ตำรวจจับ 3 ผู้ต้องหาค้าปืนเถื่อน เครื่องกระสุนให้เด็ก 14 ใช้ก่อเหตุ
ความคืบหน้าคดีกราดยิงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเห็นควรส่งตัว ด.ช.วัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุ ไปควบคุมไว้ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพฯ และให้สถานพินิจฯ ดำเนินการตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้ต้องหา ให้หมายควบคุมเว้นแต่มีประกัน ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 น.ส.ศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ว่าจากการที่เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ได้รับตัวเมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยทราบว่าบิดาของเด็กชายได้เดินทางมาส่งด้วย ส่วนขั้นตอนการแรกรับ ทางสถานพินิจฯ โดยนักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ พ่อบ้านแรกรับหรือพ่อบ้านแห่งบ้านเมตตาจะร่วมกันพูดคุยสอบถามในเบื้องต้น รวมถึงประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นร่วมด้วย
ทั้งนี้ เด็กชายจะได้รับการกักโรคโควิด-19 ก่อน 5 วัน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะมีการประเมินเรื่องสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง และจะประสานปรึกษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หากแพทย์มีความเห็นว่าเด็กชายมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในขั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาหรือแอดมิท (Admit) ก็จะมีการทำรายงานพร้อมแนบความเห็นแพทย์เสนอต่อศาลเยาวชนฯ เพื่อศาลรับทราบว่าจะมีการส่งต่อเด็กชายไปนอนพักเข้ารับการรักษาตัวที่สถาบันกัลยาณ์ฯ แทน
น.ส.ศิริประกาย กล่าวอีกว่า จากการได้รับรายงานพบว่าวานนี้ หลังการรับตัวและประเมินสุขภาพเบื้องต้น เด็กชายไม่ค่อยพูดจา อาจเพราะเพิ่งได้เข้ามายังภายในสถานพินิจฯ ยังมีความไม่คุ้นชิน และตนยังไม่ได้รับแจ้งว่าเด็กชายได้แสดงความประสงค์ไม่อยากอยู่ที่นี่หรือเรียกร้องกลับบ้านแต่อย่างใด และไม่ค่อยอยากรับประทานอาหาร แต่แน่นอนว่าจะมีอาการวิตกกังวลบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนรู้ว่าจะต้องถูกแยก อาจกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเอง แต่ยังไม่มีอาการร้องไห้ฟูมฟายหรือซึมเศร้าผิดปกติ
เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมพิจารณาควบคุมการครอบครองพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมการปกครอง ว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน โดยแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น คือ 1.ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ (นายอำเภอในต่างจังหวัด/อธิบดีกรมการปกครอง ใน กทม.) งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด (สำหรับผู้รับ ใบอนุญาตรายเดิมที่จะสั่งนำเข้าเพิ่มเติม) และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้า สิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก
2.ขอให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ให้นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนที่ครอบครองอยู่ ไปแสดงและทำบันทึกต่อ นายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนาซึ่งตนมีทะเบียนบ้านอยู่ 3.ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบลงค์กัน และบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้อย่างเข้มงวด ทั่วประเทศให้มีการกวดขัน ตรวจสอบ ทั่วประเทศ
4.ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬา ระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น นักกีฬายิงปืนทีมชาติ (4.1) ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้น ได้รับการอนุญาต นักกีฬาทีมชาติ(4.2) อาวุธปืนที่ใช้ต้องมีทะเบียนถูกต้อง และตรงตัวกับผู้มาใช้บริการ ไปยืมใครไม่ได้ (4.3) ห้ามนำกระสุนปืนออกภายนอกสนามเด็ดขาด (4.4) สำหรับกรณีสนามยิงปืนในการกำกับดูแลของส่วนราชการ
5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว 6.กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินการโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้กับประชาชนทั่วไป แต่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความจำเป็นต้องใช้ สามารถพกได้คนหนึ่งกระบอกและห้ามโอน 7.ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาต สั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 8.ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปราบปราม และ ปิดเว็บไชต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปีนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนตัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยขอให้ รายงานผลการปฏิบัติให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุก 15 วัน
สำหรับมาตรการระยะยาว จะมีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 (1) ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้อ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ (2) ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึงแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย (3) กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถตัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอ ต่อนายทะเบียนอาวุธปืน (4) ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น จะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก ทุกราย (5) ให้ใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน (ป. 4 ที่มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัว กับนายทะเบียน ในทุก 5-10 ปี เพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต เช่นเดียวกับใบขับขี่รถยนต์
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาเยาวชนอายุ 14 ปีใช้อาวุธปืนกราดยิง โดยเสนอว่าควรมีการแก้ไขกฎหมายให้มีการเก็บอาวุธปืน ภายในเวลา 6 เดือน โดยเสนอนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยไปแล้ว ว่าให้เรียกเก็บอาวุธให้หมด ถ้าใครถือครองโดยถูกกฎหมายก็ให้คืนเงิน ถ้าครอบครองผิดกฎหมายก็ให้ดำเนินคดี แต่ถ้าไม่คืนแล้วเจ้าหน้าที่ไปตรวจพบอาวุธก่อน ให้จำคุกตลอดชีวิต ถ้านำอาวุธไปก่อเหตุ ให้โดนโทษประหารชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลทำให้ทราบกลุ่มผู้ต้องหาที่ขายปืนให้กับเด็กวัย 14 ที่ก่อเหตุดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยเป็นบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 2 ราย ดังนี้ 1.นายสุวรรณหงส์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45ปี จ.ยะลา 2.นายอัครวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี จ.ยะลา ตรวจค้นภายในบ้านพบของกลาง 1.กระสุนแบลงค์กัน จำนวน 209 นัด 2.ท่อเหล็กตัดท่อน (ลำกล้องปืน) จำนวน 33 ท่อน3.สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย 2 เล่ม 4.เสื้อยืดคอกลมสีเทา ตัวที่นายสุวรรณหงส์ สวมใส่ขณะกดเงิน 5.แมกกาซีนปืน จำนวน 9อันและอุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนอื่นๆ รวม 27รายการ
ส่วนผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งคือ นายปิยะบุตร อายุ 30 ปี ถูกจับกุมได้ที่กรุงเทพฯโดยทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(รมว.ดีอีเอส)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดทำระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่านข้อความว่า กระทรวงดีอีเอส ได้ดำเนินการทำอีเมอร์เจนซี่ โมบายล์ อะเลิร์ท ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ได้มีการทดลองใช้ในบริเวณทำเนียบรัฐบาลก่อน โดยทางเอไอเอสและทรูได้ทดสอบระบบโลเคชั่น เบส เซอร์วิส (แอลบีเอส) เข้าสู่ระบบแล้ว ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งภัยพิบัติ ระบบจะแจ้งเตือนภัยผ่านข้อความได้ทันที ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุตั้งแต่วันนี้ ส่วนการทำเซลล์ บรอดแคสต์ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งหากดำเนินการทำเซลล์ บรอดแคสต์ได้ จะเป็นระบบเตือนภัยที่มีความเสถียร และสามารถแจ้งเตือนประชาชนครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งตนได้ประสานงานไปยังกทสช. และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 ค่ายแล้ว ส่วนเรื่องคอมมานด์ เซ็นเตอร์ เราจะเร่งรัดเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน และหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งศูนย์นี้ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี