‘กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู’นำช่อดอกไม้ขอบคุณ‘ดีเอสไอ’กวาดล้าง‘หมูเถื่อน’ พร้อมวอนนายกฯอย่าเด้งอธิบดีฯ ด้าน‘อธิบดีดีเอสไอ’นำหมายศาลบุกค้นแหล่งซื้อหมูอันดับ 1 ของไทย หลังพบหลักฐานเอี่ยวขบวนการหมูเถื่อน 161 ตู้
27 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยทั่วประเทศ เข้ามอบดอกไม้และกระเช้าให้กำลังใจ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนัก
งานสอบสวนคดีพิเศษเลขที่ 59/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยบรรดาตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ได้นำช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ และดอกกุหลาบสีชมพู พร้อมป้ายไวนิลขนาดใหญ่ มีข้อความ อาทิ “ยึดทรัพย์ผู้ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน” , “กำลังใจจากชาวหมู ร่วมต่อสู้เคียงข้าง DSI” , “วอนรัฐอย่าปล่อยผู้เลี้ยงหมูสู้กับหมูเถื่อนตามลำพัง จากกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดกาฬสินธุ์” เป็นต้น
นายมานะพันธ์ ชัยเมธสิทธิ์ ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันตก ได้กล่าวให้กำลังใจอธิบดีดีเอสไอ ว่าพวกตนมาให้กำลังใจอธิบดีดีเอสไอและรองอธิบดี รวมถึงคณะพนักงานสอบ สวน เพราะเห็นท่านอธิบดีและทีมทำงานอย่างเข้มแข็ง และทำร่วมกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาเป็นอย่างดี
“สำหรับการดำเนินคดีอาญาในกรณีหมูเถื่อน 161 ตู้ ทำให้พวกเราเห็นถึงขบวนการลักลอบนำเข้าต่างๆ วันนี้อธิบดีดีเอสไอถือเป็นที่พึ่งของเกษตรกรเลี้ยงสุกรรายย่อย จึงวิงวอนขอไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าอย่าย้ายอธิบดีของเรา ถ้าไม่มีอธิบดีดีเอสไอท่านนี้ ก็จะไม่ได้เห็นพวกทำความชั่วในหลายหน่วยงาน และยังมีพวกพ่อค้าหมูเถื่อน ขอเป็นกำลังใจให้อธิบดีดีเอสไอทำงานคู่กับพวกเราตลอดไป” นายมานะพันธ์ กล่าว
ส่วนนายเดือนเด่น ยิ้มแย้ม อายุ 52 ปี ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย กล่าวว่า วันนี้พวกเรามาร่วมให้กำลังใจอธิบดีดีเอสไอในการต่อสู้ ไม่ว่าจะโดนแรงกระหน่ำจากนายทุน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ประพฤติไม่ชอบ อีกทั้งยังมีมรสุมทางการเมือง ยืนยันว่าพวกเราจะเดินเคียงข้างอธิบดีดีเอสไอ ท่านไม่ทิ้งพวกเรา พวกเราก็ไม่ทิ้งท่าน หากท่านโดนมรสุมใด พวกเราก็จะเดินไปเคียงข้างท่าน พร้อมขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองอธิบดีและทีมงานให้แคล้วคลาดปลอด ภัยจากอันตราย
ด้าน น.ส.วันวิสาข์ ยิ้มแย้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ม.6 บุตรสาวนายเดือนเด่น กล่าวว่า เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้รับผลกระทบจากการนำเข้าหมูเถื่อน ตนโตมากับอาชีพเลี้ยงหมูของครอบครัว ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา ครอบครัวยังเหลือเงิน แต่ตอนนี้เกษตรกรเจอปัญหาหมูขาดทุน ขายหมูไม่ได้ราคา บางรายต้องเลิกเลี้ยงหมูไป วันนี้จึงขอขอบคุณดีเอสไอที่สู้เพื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ไทย
ขณะที่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ กล่าวขอบคุณตัวแทนเกษตรกรฯที่มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ซึ่งพวกเราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ความทุกข์ร้อนของพี่น้องเราเพิกเฉยไม่ได้ ส่วนแรงกดดันต่างๆขณะนี้ยังไม่พบ เพราะเราพร้อมยืนหยัดจะทำงานเคียงคู่พี่น้องเกษตรกรไทย และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมา เข้มข้น และใช้เวลาอันรวดเร็ว อีกทั้ง รมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ได้เน้นย้ำมาอีกทาง ดังนั้น การเป็นข้าราชการจะต้องไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่างๆ จึงขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจพวกเราและคณะพนักงานสอบสวน
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีนั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่าเราทำงานต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่รับเรื่อง และเราใช้เวลาประมาณ 5 เดือนเศษในการส่งสำนวนคดีเเรกต่อ สำนักงาน ป.ป.ช.และในวันนี้เราจะมีการเปิดปฏิบัติการต่อเนื่องในกลุ่มที่มีการรับซื้อเศษชิ้นส่วนสุกรเพื่อนำไปจำหน่าย โดยจะดำเนินการกับกลุ่มที่ 2 หรือกลุ่มนายทุน ที่มีพฤติการณ์สั่งนำเข้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เพื่อนำมากระจายจัดจำหน่าย กลุ่มนี้ถือว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรรายย่อยอย่างมาก ทั้งนี้ ในเรื่องของระยะเวลาการดำเนินการ ตนยังไม่สามารถระบุกรอบได้ เพราะพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากพบพยานหลักฐานเอกสารและกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก พนักงานสอบสวนจึงต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน เพื่อเอาผิดทางอาญากับผู้ต้องหาได้จริงและให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีและมีการขีดเส้นตายภายในสัปดาห์นี้ในการติดตามจับกุมตัวการใหญ่นั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า เราจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมแน่นอน และจะมีการจับกุมกลุ่มบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้เน้นย้ำว่าหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครให้เอาผิดทั้งหมดไม่มีละเว้น เราพร้อมให้ความมั่นใจต่อพี่น้องเกษตรกร อย่างไรก็ตาม การเข้ามอบตัวของกลุ่มผู้ต้องหาที่ผ่านมาค่อนข้างให้การเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดี เพราะมีการให้การไปถึง ทำให้ขยายผลไปยังกลุ่มนายทุนได้ นอกเหนือจากพยานเอกสารหลักฐานต่างๆที่ดีเอสไอไปตรวจค้นและยึดมาได้ ถือว่าการทำงานของเราที่เดินทางมาถึงวันนี้มีความพอใจพอสมควร
“ส่วนหมายจับเพิ่มเติมในตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่มีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะดำเนินการจัดแบ่งเป็นกลุ่ม และที่เราต้องเร่งขยายผลต่อ คือ กลุ่มขององค์กรอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้า 2,385 ตู้ เบื้องต้นพบว่าตัวการหลักอาจมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 รายแน่นอน” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนไม่เพียงเชื่อคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียวจึงต้องมีการเปิดปฎิบัติการตรวจค้นหลายพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานสำหรับการสนับสนุนหรือตรวจสอบคำให้การของพยานและผู้ต้องหาว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการกระทำผิดในเรื่องนี้จริง และหากประชาชนท่านใดยังคงมีข้อมูลเบาะแสสามารถส่งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ต.สุริยา ระบุต่อว่า สำหรับพื้นที่เป้าหมายที่จะลงตรวจค้นในวันนี้ ก็มาจากการขยายผลซึ่งเราพบทั้งเรื่องยอดเงินหมุนเวียนและพยานหลักฐานสำคัญต่างๆ โดยมีการสั่งนำเข้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งและมีการกระจายออกไปยังที่ต่างๆ ซึ่งดีเอสไอจะติดตามว่าชิ้นส่วนสุกรเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน ส่วนมูลค่ายอดเงินหมุนเวียนเบื้องต้นในสำนวนยังไม่ถึงหลัก 1,000 ล้านบาทสำหรับพื้นที่เป้าหมายนี้ แต่ถ้าหากได้สืบค้นไปเรื่อยๆ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็จะนำเรียนพี่น้องประชาชนและพร้อมเปิดเผยทุกการดำเนินการของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ พ.ต.ต.สุริยา ได้ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าทางคดีเสร็จสิ้น ก็ได้ตั้งขบวนรถเจ้าหน้าที่ เดินทางออกจากตึกดีเอสไอ เพื่อนำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นแหล่งรับซื้อชิ้นส่วนสุกรอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี