เลขาธิการ กพฐ. สั่งสอบกรณีอาหารเด็กนักเรียน ให้กินข้าวเปล่า-ไข่ต้ม ย้ำเด็กต้องกินอิ่ม ครบ 5 หมู่ สร้างพัฒนาการสมวัย
วันที่ 12 มกราคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์กรณีโรงเรียนประจำพักนอนแห่งหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดอาหารให้นักเรียนเป็นข้าวเปล่ากับไข่ต้มและน้ำปลา จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์ นั้น
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับทราบประเด็นดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่นิติกร สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นที่เรียบร้อย โดยได้สั่งการให้ผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว ออกจากพื้นที่และมาปฏิบัติหน้าที่ยัง สพฐ. ส่วนกลางโดยทันที เพื่อมิให้เข้าไปมีผลกระทบต่อการสืบสวน และพยานหลักฐาน ขณะเดียวกันก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนทางวินัย โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวต่อไปว่า ในเชิงนโยบายนั้น ทาง สพฐ. ได้กำชับทุกโรงเรียนที่ต้องดูแลเรื่องอาหาร ทั้งโรงเรียนประถมศึกษาที่ต้องดูแลอาหารกลางวัน และโรงเรียนอยู่ประจำพักนอนที่ต้องดูแลอาหารทั้ง 3 มื้อให้กับนักเรียน ต้องจัดอาหารให้มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ และปริมาณเพียงพอกินอิ่มทุกคน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าพบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่สามารถทำได้ดี เมื่อสอบถามกับเด็กนักเรียนก็ยืนยันว่าอาหารที่โรงเรียนจัดให้มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักโภชนาการ แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีพฤติการณ์ไม่ดี และ สพฐ. จะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเรื่องโภชนาการอาหารนักเรียน เป็นนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ที่ได้กำชับว่าเรื่องเหล่านี้ต้องไม่มีการทุจริต หรือหาผลประโยชน์จากนักเรียน โดยเฉพาะเรื่องโครงการอาหารกลางวัน หรือนมโรงเรียน เพราะส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของนักเรียน ถ้าเด็กได้กินอาหารอิ่ม ก็จะเรียนได้ดี มีความสุข โดย รมว.ศธ. เน้นย้ำว่า สพฐ. ต้องรีบดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนก็ได้กำชับทางคณะกรรมการฯให้รีบสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ หากพบว่ากระทำความผิดจริงก็จะโดนโทษทางวินัยและอาญาต่อไป
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่โรงเรียนในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษเท่านั้น โรงเรียนสังกัด สพป. สพม. ก็ต้องดูแลให้มีการกำกับ ติดตาม คุณภาพอาหารของนักเรียนให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการด้วย เพราะทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเพิ่มค่าอาหารกลางวันนักเรียนต่อรายหัวเพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเรื่องอาหารกลางวันนักเรียนนี้ทางรัฐบาลและ ครม. เองก็ให้ความสำคัญ เพราะรู้ว่ามีผลต่อพัฒนาการของนักเรียน จึงขอฝากย้ำไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาทุกแห่งทั่วประเทศ ให้ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
“นอกจากนี้ วันนี้ ตนได้เชิญผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด สศศ. เข้ามาประชุมร่วมกัน เพื่อร่วมกันออกแบบวางมาตรการที่เกี่ยวข้อง และในสัปดาห์หน้าก็จะประชุมกับผู้อำนวยการสถานศึกษาทั่วประเทศที่ดูแลเรื่องอาหารกลางวันนักเรียนอีกครั้ง เพื่อเน้นย้ำเรื่องการใช้งบประมาณให้โปร่งใส ไม่ทุจริต และจัดอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ซึ่งต้องเรียนว่าเราไม่ได้ดำเนินการแบบวัวหายล้อมคอก เพราะที่ผ่านมาเรามีหนังสือเน้นย้ำเรื่องอาหารกลางวันและนมโรงเรียนมาโดยตลอด แต่หากใครที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ไม่สุจริต เราก็ต้องดำเนินการไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดทุกกรณี ขอให้ทุกโรงเรียนที่มุ่งมั่น ทุ่มเท อย่าเสียความตั้งใจ ทั้งนี้ หากนักเรียนหรือผู้ปกครองพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่สุจริต สามารถแจ้งมาทาง สพฐ. ที่เพจ เลขาธิการ กพฐ. หรือที่ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. โทร. 0 2288 5795 ได้ ขอให้มั่นใจว่าเราพร้อมดูแลนักเรียนทุกคนด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม และขอให้ผู้ปกครองรวมถึงสาธารณชนเกิดความมั่นใจว่าโรงเรียนจะดูแลสุขภาพโภชนาการนักเรียนทุกคนเป็นอย่างดี ให้เขามีพัฒนาการด้านร่างกายที่เหมาะสมตามวัย และได้ ”เรียนดี มีความสุข” อย่างพร้อมหน้าทุกคน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี