วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ชาวคลิตี้ยังผวาพิษสารตะกั่วเหมืองแร่ดังบุกศูนย์ดำรงธรรมร้องผู้ว่าฯกาญจน์จี้ คพ.กำจัดให้สิ้นซาก

ชาวคลิตี้ยังผวาพิษสารตะกั่วเหมืองแร่ดังบุกศูนย์ดำรงธรรมร้องผู้ว่าฯกาญจน์จี้ คพ.กำจัดให้สิ้นซาก

วันจันทร์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2567, 17.29 น.
Tag : ชาวคลิตี้ ทองผาภูมิ พิษสารตะกั่ว สารปนเปื้อน เหมืองแร่
  •  

ชาวคลิตี้ อำเภอทองผาภูมิยังผวาพิษสารตะกั่วเหมืองแร่ดังบุกศูนย์ดำรงธรรมกาญจนบุรียื่นหนังสือร้องขอผู้ว่าฯกาญจน์ จี้ คพ.กำจัดให้สิ้นซากหลังพบกองกากแร่หลงเหลือกว่า 8 จุดมากกว่า 5 แสนตัน ทั้งที่เคยฟื้นฟูมาแล้ว 2 ระยะ หมดงบไปกว่า 800 ล้านบาท

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (15 ม.ค.67) นายกำธร ศรีสุวรรณมาลา, นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี และ นายนพพร วสุธาผาภูมิ พร้อมตัวแทนชาวบ้านบ้านทุ่งเสือโทน หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ร่วม 20 คน เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมชั้นล่างศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้กับร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการดำเนินงานโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วของกรมควบคุมมลพิษ โดยมีนายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้รับมอบหนังสือ มีนายศิวะกรณ์ วิเชียรเพริศ ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมชี้แจงและรับฟังปัญหา ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี โดยนายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ได้ลงเลขรับเรื่องที่ 14 ลงวันที่ 15 ม.ค.2567


ทั้งนี้ นายกำธร ศรีสุวรรณมาลา, นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี และนายนพพร วสุธาผาภูมิ ร่วมกันเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดกำหนดให้กรมควบคุมมลพิษเป็นผู้คำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วให้มีสภาพที่ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่สิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน โดยกรมควบคุมมลพิษกำหนดเป็นแผนงาน วิธีการ และดำเนินการในรูปแบบโครงการพื้นฟูสำห้วยคลิตี้จาการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี เป็น 2 ระยะ

ต่อมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินงานโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ในพื้นที่หมู่บ้านทุ่งเสือโทน หมู่ที่ 4 ตำบลระแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ไปแล้ว พบว่ายังมีกองกากหางแร่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ชุมชนมากกว่า 8 จุด ล้วนมีค่าสารตะกั่วมากกว่า 100,000 มิลิกรัมต่อกิโลกรัม ถือได้ว่ามีคำสูงกว่าค่ามาตรฐานเป็นอย่างมาก มีปริมาณไม่น้อยกว่า 500,000 ตัน พบทั้งเป็นพื้นที่เดิมที่เคยดำเนินการพื้นฟูในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 มาแล้ว และพื้นที่ที่พบเพิ่มเติมจวกการสำรวจของสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย (สวสท.) หลังจากที่เข้าไปดำเนินการประเมินผลการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากสารปนเปื้อนสารตะกั่วจังหวัดกาญจนบุรี ในปี 2566 

ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งของกองกากทางแร่ทั้ง 8 จุดนี้ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้านทุ่งเสื่อโพน หมู่ที่ 4 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ ฤดูฝนของทุกๆ ปีเกิดการชะกากหางแร่ที่ปนเปื้อนสารตะกั่วลงมายังพื้นที่อยู่อาศัยภายในชุมชน พื้นที่ทำกิน ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ลำห้วยคลิตี้ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่นๆของชาวบ้าน โดยเฉพาะในลำห้วยคลิตี้ 

เมื่อมีการชะลงก็จะเกิดการสะสมของกากหางแร่ในลำห้วย มีค่าปนเปื้อนสารตะกั่วมากกว่า 20,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และมีปริมาณไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน ทั้งกองกากหางแร่ที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ต่างๆ และสะสมอยู่ในลำห้วย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เช่น ไม่สามารถใช้น้ำในลำห้วยและน้ำใต้ดินได้ ไม่สามารถเพาะปลูกพืชผักเพื่อบริโภคได้ ไม่สามารถจะเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคได้ ไม่สามารถจับสัตว์น้ำหรือพืชผักที่ขึ้นในลำห้วยมาบริโภคได้ เกิดการเจ็บป่วยจากการได้รับสารตะกั่วทั้งจากการบริ โภคอาหารที่ปนเปื้อน สัมผัส และรับเข้าทางระบบเดินหายใจในรูปแบบของฝุ่นที่ปนเปื้อนของฝุ่นตะกั่วฟุ้งกระจาย โดยเฉพาะเด็กที่ได้รับสารตะกั่วมีผลต่อการพัฒนาการสมองและร่างกาย และการได้มาซึ่งอาหารที่ปลอดภัย ชาวบ้านต้องมาเสียเงินเพื่อซื้ออาหารจากภายนอกหมู่บ้านทำให้มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของหมู่บ้านมักจะถูกมองว่าเป็นหมู่บ้านอันตรายจากสารตะกั่วอีกด้วย

เบื้องต้นชาวบ้านคลิตี้ใด้ยื่นหนังสือให้ทางกรมควบคุมมลพิษเพื่อประสานแนวทางการแก้ไขปัญหากับกรมควบคุมมลพิษในฐานะเจ้าของโครงการสิ้นฟูลำห้วยคลิตี้ ระยะที่ 2 รวมทั้งชาวบ้านได้แจ้งผ่านการประชุมการมีส่วนร่วมในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการ เพื่อแจ้งความเดือดร้อนถึงผลกระทบและความเป็นอันตรายของกากหางแร่และตะกอนในลำห้วยที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ แต่ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า กรมควบคุมมลพิษมีปัญหาการจัดสรรงบประมาณที่มีอย่างจำกัดเพื่อมาแก้ไขให้กับชาวบ้านทำได้เพียงแค่ปิดคลุมพื้นที่ปนเปื้อนเป็นการชั่วคราวเท่านั้นและกั้นแนวเขตด้วยลวดหนามและติดตั้งป้ายเตือนบ่งบอกถึงความเป็นอันตรายของพื้นที่ และทำการประเมินผลการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้หลังจากที่ดำเนินโครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ไปเมื่อปี 2566 แต่ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหากองกากหางแร่และตะกอนในลำห้วยที่หลงเหลืออยู่ให้กับชาวบ้าน

จากสภาพปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วในพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบมาโดยตลอดกว่า 20 ปีและปัจจุบันผลกระทบและความเดือดร้อนนี้ก็ยังคงอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตและสุขภาพอนามัยของชาวบ้านมากกว่า 2,000 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาปราศจากความคืบหน้าของการแก้ปัญหาที่ต่อเนื่องของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงยังต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ถึงแม้ว่ากรมควบคุมมลพิษจะทำการดำเนินงานโครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ไปแล้วก็ตาม แต่ดำเนินการแก้ไขปัญหายังไม่จบ ยิ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านมากขึ้น

ดังนั้น ชาวบ้านจึงเดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะพ่อเมืองกาญจนบุรี เป็นที่พึ่งในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ด้วยการช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาช้านานด้วย

ด้ายนายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านแล้วขั้นตอนต่อไปจะนำเรื่องนี้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาความก้าวหน้าของโครงการการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องว่าการกำจัดกากตะกั่วพวกนี้ถึงขั้นตอนไหนอะไรอย่างไรบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษ ส่วนผมก็จะประสานกับทาง ทสจ.กาญจนบุรีในการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อไป

ส่วนนายศิวะกรณ์ วิเชียรเพริศ ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า การที่ชาวบ้านมาร้องเรียนในวันนี้คาดว่าภายใน 2 อาทิตย์ก็คงจะได้คำตอบ ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี จะทำหนังสือประสานไปที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เพื่อขอรับทราบความคืบหน้า จากนั้นจะแจ้งให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และพี่น้องประชาชนที่มาร้องเรียนได้ทราบ

ส่วนประเด็นที่ชาวบ้านมาร้องเรียนในวันนี้นั้นเป็นเรื่องที่ชาวบ้านขอให้กรมควบคุมมลพิษเร่งฟื้นฟูกากตะกั่วที่ยังตกค้าง จากการที่ได้อ่านเอกสารพบว่าปัจจุบันถึงแม้ว่าจำดำเนินการฟื้นฟูไปแล้ว 2 เฟส แต่ความเดือดร้อนของการปนเปื้อนตามที่ศาลสั่งนั้น ชาวบ้านและผู้นำชุมชนบอกว่ามันยังคงมีตกค้างอยู่ เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่อไปในทางวิชาการจะต้องดูว่าขณะนี้กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างดำเนินการในขั้นตอนอะไรบ้าง เมื่อทราบก็จะมาชี้แจงให้ชาวบ้านได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ทราบงบประมาณที่กรมควบคุมมลพิษใช้ในการฟื้นฟูกองกากแร่ที่ยังตกค้างอยู่ทั้งในระยะ ที่ 1 และระยะที่ 2 ประมาณ 700 ล้านบาทขึ้นซึ่งงบประมาณจำนวนนี้เป็นเพียงแค่งบโครงการฟื้นฟูเท่านั้นยังไม่นับรวมงบประมาณที่สนับสนุนในด้านอื่นๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่เคยทอดทิ้งประชาชน เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปแต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใด หากทราบก็จะชี้แจงให้ทราบอีกครั้งหนึ่งต่อไป

ในส่วนเรื่องร้องเรียนนี้ทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี จะส่งหนังสือไปถึงกรมควบคุมมลพิษเพื่อขอข้อมูลคาดว่าประมาณ 1 อาทิตย์ก็คงจะแล้วเสร็จ และรอคำตอบกลับมาอีก 1 อาทิตย์ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก

ขณะที่นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี 1 ในผู้นำชาวบ้าน กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ที่อำนวยความสะดวกและรับเรื่องร้องเรียนของเราเอาไว้ ก็อยากจะให้ติดตามเรื่องร้องเรียนของเราให้ได้โดยเร็วตามที่ชุมชนของเราต้องการ

สำหรับประเด็นหลักๆ ที่มาร้องเรียนในครั้งนี้นั้นคือ 1 เรื่องกากหางแร่ที่ฟื้นฟูทั้งเฟสที่ 1 และ 2 เป็นการฟื้นฟูได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีกากหางแร่ตกค้างอยู่ในพื้นที่อีกประมาณ 8 แสนกว่าตัน ซึ่งกากหางแร่เหล่านี้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สูง เมื่อฝนตกลงมาก็จะถูกชะล้างลงไปในลำห้วยคลิตี้ ซึ่งในช่วงการฟื้นฟูระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ลำห้วยคลิตี้ได้ถูกดูดตะกอนกากหางแร่ออกไปแล้ว ค่าตะกั่วเหลืออยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000  มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 

เวลาผ่านมาแล้ว 1 ปี พบว่าค่าตะกั่วในลำห้วยคลิตี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 10,000-20,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นั่นแสดงให้เห็นว่ากากหางแร่ที่มีอยู่ในพื้นที่สูงได้ไหลลงสู่ที่ต่ำ นี่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่เราสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงทำให้เรามีความกังวลว่า กากหางแร่ที่เหลืออยู่นั้นชาวบ้านจึงต้องการให้กรมควบคุมมลพิษเร่งกำจัดฟื้นฟูให้ได้โดยเร็ว - 003

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ชาวบ้านริมน้ำกกสุดเคว้ง ไร้รัฐเหลียวแลเยียวยา \'เท้ง\'จวกรบ.ทำประชาชนสิ้นหวัง ชาวบ้านริมน้ำกกสุดเคว้ง ไร้รัฐเหลียวแลเยียวยา 'เท้ง'จวกรบ.ทำประชาชนสิ้นหวัง
  • หวั่นสารหนูแพร่กระจาย เหตุขุดลอกดิน-ตะกอนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก หวั่นสารหนูแพร่กระจาย เหตุขุดลอกดิน-ตะกอนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก
  • เผยภาพถ่ายทางอากาศ พบเปิดหน้าดินกว่า 40 จุดต้นแม่น้ำกก-น้ำสาย แค่ 2 ปีรุกป่าเหี้ยน เผยภาพถ่ายทางอากาศ พบเปิดหน้าดินกว่า 40 จุดต้นแม่น้ำกก-น้ำสาย แค่ 2 ปีรุกป่าเหี้ยน
  • ชาวบ้านเริ่มสุดทนหวั่นจมสารพิษ จี้รัฐบาลตรวจใหญ่คนสัตว์พืชลุ่มน้ำกก-น้ำสาย ชาวบ้านเริ่มสุดทนหวั่นจมสารพิษ จี้รัฐบาลตรวจใหญ่คนสัตว์พืชลุ่มน้ำกก-น้ำสาย
  • ผลตรวจสารปนเปื้อนในปลาแม่น้ำกก พบไม่เกินมาตรฐาน แต่ประชาชนไม่กล้าซื้อปลา ผลตรวจสารปนเปื้อนในปลาแม่น้ำกก พบไม่เกินมาตรฐาน แต่ประชาชนไม่กล้าซื้อปลา
  • \'7 ชุมชนลุ่มน้ำกก\'จับมืออุทกวิทยา-ปภ.-เครือข่ายค.อ.ก. \'คิกออฟ\'ระบบเตือนภัยน้ำท่วม '7 ชุมชนลุ่มน้ำกก'จับมืออุทกวิทยา-ปภ.-เครือข่ายค.อ.ก. 'คิกออฟ'ระบบเตือนภัยน้ำท่วม
  •  

Breaking News

พระสงฆ์กัมพูชา 2,569 รูปลงถนน เดินขบวนสันติภาพ-เรียกร้องหยุดยิง

เปิดคลิป เด็กม.5 สติหลุด!! รัวหมัด-ตีเข่า-เตะครูสาวกลางห้องเรียน เหตุไม่พอใจคะแนนสอบ

'แม่ทัพกุ้ง'เหลืออีก 51 วันเกษียณ ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เผยทหารกำลังใจดี หายเจ็บขอกลับหน้าแนว

'รพ.จุฬาภรณ์'เตือน! ใครเกิดก่อนปี 2535 ควรไปฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี เสี่ยงเป็น 'มะเร็งตับ'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved