‘ดีเอสไอ’ประชุมคณะทำงาน‘หมูเถื่อน-ตีนไก่สวมสิทธิ์’ เตรียมกางรายชื่อ‘ข้าราชการระดับสูง’เชิญเข้าให้ข้อมูล 10,000 ตู้คอนเทนเนอร์ นำเข้าปี 64 ขณะที่‘พ.ต.ต.ยุทธนา’ยืนยันให้ประกัน‘เฮียเก้า’ชั่วคราว 2 แสนบาท จ่อเชิญ‘รองอธิบดีกรมปศุสัตว์’ให้ข้อมูลในฐานะพยาน
ความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชุดคดีหมูเถื่อน จับกุมตัวนายหลี่ หรือ “เฮียเก้า” 1 ใน 5 ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีตีนไก่สวมสิทธิ์ หรือคดีพิเศษที่ 127/2566 ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังเดินทางมาจากประเทศจีนเข้าราชอาณาจักรไทย ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.67) ซึ่ง เฮียเก้า ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนอย่างเข้มข้นกว่า 30 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับขบวนการส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (23 ม.ค.67) ที่ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน นัดหมายพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อนและคดีตีนไก่สวมสิทธิ์เข้าร่วมประชุมหารือความคืบหน้าทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั่งหัวโต๊ะการประชุม เพื่อพิจารณาเตรียมเชิญข้าราชการระดับสูง และข้าราชการหน่วยงานของรัฐ ในการเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เนื้อวัว ตีนไก่ ชิ้นส่วนไก่ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 จนถึงปัจจุบัน สำหรับการขยายผลหาผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดเพิ่มเติม
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยถึงผลการสอบปากคำ เฮียเก้า ว่า วานนี้คณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนาน 6 ชม. ตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 23.00 น. โดยเป็นการสอบถามใน 30 ประเด็น บันทึกถ้อยคำให้การกว่า 40 หน้ากระดาษ ซึ่งใน 30 ประเด็นจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายประเทศจีน ส่วนในประเด็นอื่นๆที่ผู้ต้องหาไม่ได้ตอบนั้น จะทำการส่งเป็นเอกสารชี้แจงในภายหลัง ในเรื่องของการรู้จักกันหรือมีความสัมพันธ์กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของ เฮียเก้า นั้น เจ้าตัวให้การว่ารู้จักกันมานาน เพราะประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าทางการเกษตร จึงต้องเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวง
“ส่วนกรณีของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.เกษตรฯนั้น เฮียเก้า ให้การว่าเป็นการรู้จักกันในรุ่นปู่ เพราะว่าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ประเทศจีนด้วยกัน และมีการใช้นามสกุลแซ่เดียวกันเท่านั้น จึงมีบ้างที่อาจมีการไปมาหาสู่กันปกติ แต่ในช่วงที่ เฮียเก้า ต้องการเข้ามาทำงานและลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย เฮียเก้า จึงไปติดต่อกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ทาง เฮียเก้า ไม่ได้ให้การในประเด็นนี้ จึงยังคงมีหลายคำถามที่ผู้ต้องหาประสงค์จะไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงในภายหลังแทน ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะตอบหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้” พ.ต.ต.ณฐพล กล่าว
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของ 2 สามีภรรยา นายหยาง และ น.ส.นวพร ผู้ต้องหาในคดีหมายจับเดียวกัน ซึ่งดีเอสไอได้จับกุมไปก่อนหน้าแล้วนั้น เฮียเก้า ยืนยันว่าไม่รู้จัก แต่มีบางส่วนที่ เฮียเก้า ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่ เช่น มีการเปิดเผยรายชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการขายส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีนเพิ่มเติม หรือมีขั้นตอนการติดต่อประสานงานกันอย่างไร ความเกี่ยวข้องกับกลุ่มข้าราชการ กลุ่มบริษัทชิปปิ้เอกชน แต่ขอละเว้นการเปิดเผย เพราะต้องใช้ในการขยายผล
ส่วนเรื่องสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย (Thai - Asia Economic Exchange Trade Association) ซึ่งมี เฮียเก้า ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคม เหตุใดรายชื่อที่ปรึกษาและกรรมการจึงมีแต่คนใหญ่คนโตในแวดวงทหาร นักการเมือง และตำรวจนั้น เฮียเก้า ไม่ตอบคำถาม แต่จะขอกลับไปรวบรวมข้อมูลแล้วมาชี้แจงภายหลัง
สำหรับกรณีของนายกรินทร์ ลูกชายเฮียเก้าที่ยังอยู่ต่างประเทศ ไม่เข้ามอบตัวตามหมายจับนั้น เจ้าตัวยังไม่มีการติดต่อมาที่ดีเอสไอ แต่ เฮียเก้า บอกเพียงแค่ว่าตัวเองเคยติดต่อไปหาลูกชายตอนเดินทางออกไปต่างประเทศ เมื่อครั้งยังไม่มีหมายจับ แต่เพราะอยู่กันคนละประเทศ จึงยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้
ส่วนประเด็นการประชุมในเช้าวันนี้ (23 ม.ค.67) พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า วาระการประชุมจะเป็นการวิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อจะได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้จากการสอบปากคำ เฮียเก้า ก็อาจเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นได้ โดยเฉพาะในเรื่องตีนไก่สวมสิทธิ์ไปขายประเทศจีน ส่วนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะไปขยายผลในเรื่องหมูเถื่อน เพราะค่อนข้างมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากกว่าตีนไก่ เนื่องจากมีตัวละครจำนวนมาก ทั้งยังมีการตัดตอนกันไปก่อน
ต่อมาเวลา 09.50 น.วันนี้ (23 ม.ค.67) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ออกมาเปิดเผยภายหลังรับฟังวาระการประชุมของคณะพนักงานสอบสวน ว่าหลังช่วงเช้าได้หารือความคืบหน้าทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐานหลังจากกรณีของ “เฮียเก้า” ซึ่งผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเฉลิมชัย และข้าราชการในสังกัดในกระทรวงฯ โดยไม่ได้เปิดเผยว่ารู้จักหรือสนิทกับบุคคลเหล่านี้ระดับไหน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้ปากคำ
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า การเข้าให้ปากคำของ เฮียเก้า ซึ่งได้ติดต่อขอมอบตัวด้วยตัวเอง แสดงความบริสุทธิ์ต่อสู้ จึงได้รับสิทธิในการประกันตัวในชั้นสอบสวนในวงเงิน 200,000 บาท และได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรและห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อจากคำให้การของ เฮียเก้า โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในกระทรวงเกษตรฯ เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนอาจจะเชิญระดับรองอธิบดีกรมปศุสัตว์มาให้ปากคำในฐานะพยานก่อน ส่วนระยะเวลานัดหมายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ส่วนกรณีของนายกรินทร์ ลูกชายของ เฮียเก้า ผู้ต้องหาในคดีสวมสิทธิ์ส่งออกตีนไก่ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี