“น้ำ” คือชีวิต น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าอย่างยิ่ง และมีความสำคัญยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกรวมถึงมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแม้จะมีความพยายามรณรงค์ให้เห็นคุณค่าของน้ำ ใช้น้ำที่มีอยู่อย่างประหยัดและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดก็ตาม แต่ยังมีการใช้ทรัพยากรน้ำกันอย่างฟุ่มเฟือย ขาดการยับยั้งชั่งใจในการใช้น้ำ เพราะต่างคิดว่า น้ำไม่มีวันจะหมดจากโลก แต่ในความจริงแล้วน้ำที่คิดว่าไม่มีวันจะหมดไปนั้นกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต หลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้แหล่งน้ำที่สะอาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางน้ำที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ รวมทั้งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) อีกด้วย
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้รักษ์น้ำ รู้คุณค่าของน้ำ ใช้น้ำอย่างประหยัด ตลอดจนรู้จักการหมุนเวียนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์ เพราะน้ำคือชีวิตเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุด ดั่งพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีความตอนหนึ่งว่า “...หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูกเพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้...”
อย่างไรก็ตาม เพื่อผู้ใช้น้ำทุกรายมีส่วนร่วมในการประหยัดน้ำและคิดวางแผนการใช้น้ำอย่างครอบคลุม ตลอดจนสร้างจิตสำนึกและปรับพฤติกรรมการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด จำเป็นจะต้องมีกฎหมายมาควบคุมในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เคยมีพระราชดำรัสพระราชทานในการบริหารจัดการน้ำในภาวะขาดแคลนน้ำของประเทศไทยความตอนหนึ่งว่า “...น้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้น ยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ...”
ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกฎกระทรวง ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือและกลไก ในการบริหารจัดการน้ำด้านอุปสงค์ ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรน้ำแก่ผู้ใช้น้ำ เพื่อจะได้ใช้น้ำอย่างประหยัดและรอบคอบยิ่งขึ้น รวม 5 ฉบับ และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้เมื่อวันทีี่ 25 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นกฎกระทรวงที่เสนอโดย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) 3 ฉบับ ได้แก่
1.กฎกระทรวงกำหนดลักษณะการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. 2567 กฎกระทรวงฉบับนี้ได้กำหนดการใช้น้ำไว้ 3 ประเภทคือ การใช้น้ำประเภทที่ 1 เป็นการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการดำรงชีพ การอุปโภค-บริโภคในครัวเรือน การเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์ การอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งเป็นการใช้น้ำของคนส่วนใหญ่ในประเทศ การใช้น้ำประเภทที่ 2 เป็นการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาและกิจการอื่น และการใช้น้ำประเภทที่ 3 เป็นการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำปริมาณมาก หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบข้ามลุ่มน้ำ หรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง
2.กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 2 และใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 3 พ.ศ. 2567
และ 3.กฎกระทรวงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำ การเรียกเก็บ ลดหย่อน และยกเว้นค่า
ใช้น้ำ สำหรับการใช้น้ำประเภทที่สองและการใช้น้ำประเภทที่สาม พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ดังกล่าว ที่เสนอโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีก 2 ฉบับคือ กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 ที่ไม่ใช่น้ำจากทางน้ำชลประทานและไม่ใช่น้ำบาดาล พ.ศ. 2567 และกฎกระทรวงการอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 พ.ศ. 2567
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี