สภาพอากาศเชียงใหม่ ยังวิกฤตฝุ่นควันพุ่งเกินค่ามาตรฐาน จากปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้น “ปลัด ทส.-ผู้ว่าฯเชียงใหม่”แถลงสถานการณ์ไฟป่า ย้ำดีขึ้น ระบุสามารถคุมจุดความร้อนจาก 2,700 กว่าจุดลดลงเหลือกว่า 800 จุด เร่ง ควบคุมไฟป่าพื้นที่ออบหลวง ขณะที่นอภ.ปาย เร่งสั่งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองบูรณาการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่แจ้งจุดความร้อน ป้องกัน-แก้ไขปัญหาไฟป่า
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 สภาพอากาศเหนือเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันจากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 เกินค่ามาตรฐานอีกวัน โดยขยับสูงขึ้นจากทุกวัน ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงเกิน150 ไมครอน เกือบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเมือง เริ่มได้รับผลกระทบหนัก ย่านชุมชนสวนดอกและตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ค่า PM 2.5ทะลุกว่า 170ไมครอน ดัชนีคุณภาพอากาศ aqi เกิน 200-300ไมครอน
ขณะที่จุด Hotspot จากการเผาช่วงเช้าวันนี้ ยังพบสูงและกระจายไปทุกอำเภอโดยเฉพาะทางตอนใต้ ทั้ง อ.แม่แจ่ม อ.ฮอด อ.ดอยเต่า อ.แม่วาง รวมทั้ง อ.เชียงดาว อ.พร้าวและอ.ดอยสะเก็ด พบเพิ่มขึ้นและภาพรวมเกิน100 จุดอีกวันแม้จุดความร้อน จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาราว 70%ในห้วงเดียวกัน
โดยขณะนี้ มีการบูรณาการหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมภารกิจ ทั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กำลังทหาร ปกครอง กระทรวงเกษตรฯปภ.และอาสาสมัครต่างๆ
วันเดียวกัน ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช , พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3, พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธภาค 5, พล.ต.ต.ธวัชชัย วงศ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่รับผิดชอบและสถานการณ์ล่าสุดของอุทยานแห่งชาติออบหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงว่ายืนยันว่าวันนี้สถานการณ์ไฟป่าที่เกิดจากการเผาไหม้ และเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5ของเชียงใหม่ ลดลงมาก เพราะการบูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายทำให้ควบคุมการเผาลดลงได้ โดยเฉพาะเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์2 ยกแรก ที่เรามีการยกระดับการทำงานจนสามารถคุมจุดความร้อนหรือ Hotspot จาก 2,700 กว่าจุดให้ลดลงเหลือกว่า 800 จุดได้ เรียกว่าหายไปกว่า 73% แม้จะมีสถานการณ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง หากเทียบกับปี2566ในช่วงเวลาเดียวกันที่เกิดฝุ่นเกินมาตรฐาน 47 วันแต่ปีนี้เหลือ17วันเท่านั้น เรียกว่าหายไป 60%คืออากาศดีขึ้น จากที่ตั้งเป้าให้เผาน้อยที่สุดจากไว้ 50% ทั้งการเผาไหม้และฝุ่นที่เกิด
“พื้นที่ป่าออบหลวงที่มีภาพไหม้ติดต่อกันกว่า1สัปดาห์ พื้นที่นี้เป็นป่าเต็งรังขนาดใหญ่พื้นที่ 3-4แสนไร่ โดย 80% เป็นป่าเต็งรัง ฤดูแล้ง จะทิ้งใบแห้งและกรอบเป็นเชื้อเพลิง มีการชิงเผา ควบคุมการเผาและป้องกันการลักลอบให้ดีที่สุด วันนี้หากเทียบปีก่อนไฟไหม้เกือบ 2 แสนไร่ ณ วันนี้ออบหลวงเกิดไฟไหม้ไม่เกิน4หมื่นไร่ เราพยายามคุมให้ได้ต่ำกว่า 50%จากที่ตั้งใจดับไฟให้ได้ภายในวันนี้เราทำได้ 80%เหลือพื้นที่ 20%ที่อยู่ในจุดผาสูงชัน ต้องใช้กำลังคนเข้าพื้นที่เพื่อทำชนแนวกันไฟที่ทำไว้ล่วงหน้าแล้ว
ปัญหาพื้นที่ออบหลวง คือ ดับแปลงแรกหมด ก็จะเกิดการลักลอบจุด ตั้งใจจุดแปลงที่สอง เราดับไฟหมดก็จะเกิดแปลงที่สามต่อไป เป็นแบบนี้ เราต้องยกระดับการจัดการด้วยการใช้กำลังทหารและตำรวจปูพรมเข้าพื้นที่เพื่อทำมวลชนสัมพันธ์ ป้องกันและป้องปรามคนที่ตั้งใจทำผิดกฎหมาย และสอบสวนสอบสวนดำเนินคดี”
นายนิรัตน์กล่าวว่า ยก3 นับจากนี้ ประการแรก คนเชียงใหม่ต้องไม่เผา แม้จะมีกระแสจากตะวันตกหรือประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงทางตอนใต้ เราจะทำงานได้ง่ายกว่าเพราะเรามีฐานบินฝนหลวงขึ้นบินทุกวันทำการเจาะช่องชั้นบรรยากาศให้ฝุ่นควันกระจายขึ้นบนและลมที่แรงขึ้นจะพัดไป เราทำมาหลายครั้งแล้ว และได้ผล
และคนที่พูดแล้วไม่เชื่อ จะต้องถูกดำเนินคดี เราไม่ได้บังคับอย่างเดียว เรามีทางเลือกให้พี่น้องประชาชน สั่งการนายอำเภอและทีมจัดเก็บรายชื่อของคนที่เข้าไปหาของป่ากว่า4,000 คน เรามีข้อเสนอให้มาทำงานกับเรา ขอให้เดินออกมา เรามีงานให้ทำมีรายได้เท่ากัน ตั้งโต๊ะที่อำเภอ พร้อมทำงาน งดเข้าป่า เริ่มลงมือแล้วงบประมาณลงพื้นที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่แน่นอน อย่าได้เข้าใจผิด
“นักท่องเที่ยว ยังเต็มทุกเที่ยวบิน ความมั่นใจยังมีการเผาไม่ได้มากมาย เหมือนปีก่อนๆการทำทัวร์ยังมีทุกวัน อาจมีแค่บางส่วน แต่ที่พักเต็ม 100%รวมทั้งเดือนมีนาคมการจองที่พักยังอยู่ เพราะเราสามารถจัดการให้คลี่คลายได้ ขอให้นักท่องเที่ยว มั่นใจ แม้ฝุ่นจะพัดเข้ามาได้บ้าง เราคุมการเผาได้เกินเป้าหมายแม้วันนี้เราจะติดอันโลกในอันดับ 8-10 ก็มาจากการสะสมหลายนอย่างประกอบกัน“ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ กล่าว
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว่าวันนี้จุดความร้อนที่ลดลงได้ จากความร่วมมือ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลและวันนี้ให้เน้นการบังคับใช้กฎหมายจากประชาชนที่ยังเข้าใจผิดและมีพฤติกรรมแบบเดิมๆที่กระทบคนส่วนใหญ่ วันนี้ลมพัดจากใต้ขึ้นเหนือ เป็นปัญหาของเชียงใหม่ทำให้มีฝุ่นอยู่ในอากาศเจือจางแต่ทัศนวิสัยยังดี คิดว่าไม่เกิน2วันจากลมแรงขึ้นจะดีขึ้น
ต้องยอมรับว่าเราทำงานเต็มที่ทั้งจังหวัด ทหาร และตำรวจ ตรึงกำลังในการบังคับใช้กฎหมาย ประกาศปิดอุทยานหลายจุดทุกแห่งที่มีปัญหา แต่จะเห็นได้ว่าปีนี้แตกต่างจากปีก่อนที่สามารถคุมสถานการณ์ได้ดี นักท่องเที่ยวยังมาเพราะการทำงานเป็นไปอย่างน่าพอใจ ทำความเข้าใจประชาชน ออกลาดตระเวน มีการฮอตไลน์กับปลัดกัมพูชา เพื่อดูหมอกควันข้ามแดนทั้งเมียนมาที่ลมพัดเข้ามาแม่ฮ่องสอน
พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เราทำงานเต็มที่ร่วมกัน ส่วนไฟป่าพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านเรามีการขอความร่วมมือไปแล้วผ่านช่องทางทีบีซี และหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานทั้งสองประเทศทั้งลาวและเมียนมา มีการจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่กว่า 100 ชุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า และจะต้องจัดการกับประชาชนที่ยังดื้ออยู่ให้ได้
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่าวันนี้พื้นที่ป่าออบหลวงดับได้แล้ว แต่ยังมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังทุกจุด ห่วงทุกพื้นที่ เพราะใบ้ไม้ยังแห้งไม่สนิทก็ต้องเฝ้าระวังเต็มที่ทุกโซน โดยกระจายกำลังให้เต็มพื้นที่เพื่อให้ประชาชนที่ยังกระทำความผิดเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่กระจายอยู่ในป่าทุกพื้นที่เพื่อปรามการเข้าไปหาของป่าทุกชนิด
ขณะที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เชียงใหม่ รายงานพบจุดความร้อน (Hotspot)ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 รอบเช้า จำนวน 13 จุด ในพื้นที่ อำเภอแม่แจ่ม 7 จุด ฮอด 4 จุด ดอยหล่อ 1 จุด และกัลยาณิวัฒนา 1 จุด
นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าสืบเนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้แจ้งการเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ตำบลเมืองแปง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้สั่งการให้นายภูรีภัทร พิพัฒน์พงศธร ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย นายพิเชษฐ พุ่มนวน และนายณัฐชนน วงค์ธิมา ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย นำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอปายบูรณาการร่วมกับอบต.เมืองแปง เจ้าหน้าที่ ขสป.แม่เลา-แม่แสะ เจ้าหน้าชุดเหยี่ยวไฟ จากจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดนครราชสีมา ที่มาประจำการอยู่ในพื้นที่อำเภอปาย เจ้าหน้าที่ป่าไม้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชุดดับไฟป่าหมู่บ้านของหมู่ที่ 1,2,4,6 ตำบลเมืองแปง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าพื้นที่บริเวณป่าอนุรักษ์เขตรับผิดชอบของ ขสป.แม่เลา-แม่แสะเพื่อดำเนินการตามมาตรการเผชิญเหตุกรณีเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ จำนวน 17 จุด
ผลการปฏิบัติจากการเดินเท้าเข้าไปในจุดที่เกิดจุดความร้อนได้รับประสานจากชุดเจ้าหน้าที่ของขสป.แม่เลาแม่แสะว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3-4ชั่วโมง จึงได้วางแผนให้ชุดที่เดินเท้าอีกชุดที่ลงมาจากหน่วยบ่อส่อมพื้นที่บ้านห้วยเดื่อตำบลโป่งสาอำเภอปาย ซึ่งเป็นชุดที่จะต้องเข้าไปพักแรมในพื้นที่หาแนวทางในการดำเนินการกับจุดความร้อนต่อไป ในส่วนที่จุดความร้อนเกิดในเขตป่าสงวนชุดดับไฟสามารถดับไฟได้เป็นบางส่วนเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงได้ทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟไม่ให้เกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี