อุทธรณ์คำสังให้ออกจากราชการ
‘บิ๊กโจ๊ก’ปักหลักส
เตรียมยื่นสตช.22เม.ย.
พร้อมฟ้องกลับ‘บิ๊กต่าย’
นายกฯชี้เป็นเรื่องในตร.
‘กิตติ์รัฐ’มั่นใจทำตามก.ม.
“บิ๊กโจ๊ก” ปักหลักสู้ เตรียมยื่นอุทธรณ์ คำสั่ง ให้ออกจากราชการ พร้อมฟ้อง “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร.วันจันทร์นี้ ด้าน นายกฯ เศรษฐาแจงยิบ โยนเป็นเรื่องภายในของ สตช. ด้าน “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ลั่นไม่หนักใจ มั่นใจดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนสมาคมชาวปักษ์ใต้ ออกแถลงการณ์ ระบุ “บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็นนายกสมาคมเพื่อช่วยชาวใต้
จากกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน 5 นาย หนึ่งในนั้น มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรวมอยู่ด้วย หลังถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNK MASTER จนถูกดำเนินคดีอาญา และถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน”
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยผ่านโทรศัพท์เพียงสั้นๆว่า ในวันจันทร์ที่ 22 เมษายนนี้ จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และ จะดำเนินการยื่นฟ้องรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย ส่วนเวลา และรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งภายหลัง
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.รักษาราชการแทนผบ.ตร.มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกให้มาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่าง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการดำเนินการตรวจสอบ และเมื่อวันที่18 เม.ย.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มาหาพูดคุยกันและแจ้งให้ทราบว่าจะต้องรีบให้ส่งตัวกลับ เพื่อให้ตนได้รับทราบ และเพื่อจะได้ไปดำเนินการต่อ
ทั้งนี้ คำสั่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ตนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ,นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการและพล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ ขึ้นมาตรวจสอบ โดยการตรวจสอบก็ตรวจสอบไป เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องตรวจสอบ
นายกฯกล่าวว่าเราก็ทราบกันดีว่าคณะกรรมการทั้ง3ท่านที่ดำเนินการตรวจสอบนั้นได้ตรวจสอบทั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็กำลังตรวจสอบกันอยู่ เรื่องเมื่อวันที่18เม.ย.เป็นคนละเคส คนละกรณีกัน
เมื่อถามว่าในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบทั้ง3ท่าน มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่าอย่างที่ตนบอกแล้วว่าไม่อยากไปกดดัน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครไปก้าวก่ายหรือเร่งรัดอะไร
“แต่ผมมั่นใจในความสามารถและความเป็นมืออาชีพของทั้ง 3 ท่านอยู่แล้วว่าจะต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตามองอยู่” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะมีการไปแทรกแซงในเรื่องของการดำเนินคดีใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่รักษาการผบ. ตร.ได้บอกไว้ว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องของคณะกรรมการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจัดการกันมา
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายที่ยังตั้งข้อสังเกตกรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และมีการเปรียบเทียบ ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าแต่ละกรณีก็มีความแตกต่างกันไปเรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ท่าน
ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้หนักใจอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ได้เรียนขั้นตอนให้นายกฯได้รับทราบหมดแล้ว
วันเดียวกัน สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแถลงการณ์ ว่าด้วยตามที่ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดกฎหมายอาญาคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์นั้น สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเรียนต่อสมาชิกของสมาคมและพี่น้องประชาชนทั่วไปว่า สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ขอยืนยันว่าสมาคมให้ความเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนเป็นที่ตั้ง แต่เนื่องจากปัจจุบัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังคงเป็นนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ การดำเนินกิจกรรมหรือกิจการต่างๆ ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ยังคงดำเนินการไปในทางปกติ ภายใต้การนำของท่านต่อไป
สำหรับกระบวนการทางกฎหมายนั้น ยังคงมีอีกหลายขั้นตอน และยังเกี่ยวข้องกับบทกฎหมายหลายฉบับที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านได้ ทั้งนี้ คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนดังกล่าว ในทางกฎหมายท่านก็ยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ โดยมีสิทธิชี้แจงข้อเท็จจริงและอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หรือยังสามารถดำเนินการทางศาลได้อีกหลายวิธี ประกอบกับตราบใดที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดก็ยังถือว่าท่านยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมาย สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อสมาชิกชาวปักษ์ใต้เพื่อสังคมและประเทศชาติตามวัตถุประสงค์ของสมาคมภายใต้การนำของท่านนายกสมาคมต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าวถึงประเด็นที่เป็นกระแสของ 2บิ๊กตำรวจว่า คดีนี้สารตั้งต้นมาจากเว็บพนันมินนี่ ที่มีการจับกุมไปเมื่อปีก่อนซึ่งพบว่ามีเส้นเงินเกี่ยวกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.หรือ บิ๊กโจ๊ก ในการกระทำผิดตั้งแต่ตอนนั้น และมีการออกหมายค้นบ้านของบิ๊กโจ๊กในเวลาต่อมาซึ่งไปประจวบเหมาะกับช่วงก่อนแต่งตั้งผบ.ตร.พอดีซึ่งบิ๊กโจ๊กเองก็เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.เช่นกัน ซึ่งตนมองว่ามันมีการเล่นพนันจริง เส้นเงินผ่านลูกน้องของบิ๊กโจ๊กจริง มีบัญชีม้าโอนเงินไปยังเครือญาติของบิ๊กโจ๊กจริง
ส่วนที่ทนายของบิ๊กโจ๊กและตัวของบิ๊กโจ๊กเอง แย้งมาตลอดว่าไม่มีเส้นเงินมาถึงนั้น ในส่วนของคดีมินนี่ไม่มีมาถึงแต่เว็บ BNKMaster ของสน.เตาปูนมี บิ๊กโจ๊กจึงถูกออกหมายจับและศาลก็พิจารณาแล้วมีการออกหมายจับ การที่สน.เตาปูน ทำคดีของบิ๊กโจ๊ก โดยที่ไม่ได้มีการโอนคดี ไปยังป.ป.ช.นั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะถ้าเข้า ป.ป.ช.จะต้องผิด ม.149 เจ้าหน้าที่เรียกรับสินบน หรือ ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งคดีของ บิ๊กโจ๊ก ที่สน.เตาปูน เป็นความผิดฐานฟอกเงิน ไม่ต้องเข้า ป.ป.ช.
ส่วนที่ทนายความของบิ๊กโจ๊ก เคยกล่าวไว้ว่าถ้าพบว่ามีความผิดฐานฟอกเงินจะต้องดำเนินการ 149 ในการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยนั้น พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่าคดีนี้เป็นขบวนการที่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊กกระทำผิด และโอนเงินมาให้ทางฝั่งของบิ๊กโจ๊ก ซึ่งถือว่าเป็นการฟอกเงิน และบิ๊กโจ๊กมีการแก้เกมคือให้ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา มาแจ้งความเอาผิดกับลูกน้องตนเอง เพื่อจะเข้าข่ายความผิดตาม ม.157 จะได้โอนสำนวนไปยัง ป.ป.ช. คนมองว่าถ้ามีการโอนไป ป.ป.ช.ทำคดีไม่ดี มีการบิดพลิ้วสำนวนก็ติดคุก และตอนนี้เอง คณะ ป.ป.ช.ที่เคยช่วยบิ๊กโจ๊ก ก็ถูกตั้งคณะกรรการสอบ
ส่วนคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. หรือ บิ๊กต่อ ที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไปร้องขอให้ตรวจสอบนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ถ้าสอบแล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องมีการดำเนินคดีแบบเดียวกันกับ บิ๊กโจ๊ก ซึ่งคดีของบิ๊กโจ๊ก มีการทำคดีตั้งแต่ปี 65-66 แต่คดีของบิ๊กต่อ ทนายตั้มเพิ่งมาร้องฯ ไม่นาน ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกเยอะว่าหลักฐานที่ทนายตั้ม ได้มาได้อย่างไร คาดว่าคงใช้เวลาอีกสักระยะ และตนคาดว่า บิ๊กต่อจะกลับมาดำรงตำแหน่งยาก เพราะยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ถึงจะมีการกำหนดกรอบเวลาไว้แล้วที่ 60 วัน แต่ถ้าการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จก็สามารถขยายเวลาได้ ซึ่งไม่น่าจะทันที่บิ๊กต่อเกษียณราชการ เพราะในเดือนกรกฎาคมนี้ก็จะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว การสอบสวนถึงจะไม่แล้วเสร็จก่อนบิ๊กต่อเกษียณอายุราชการ คดีความก็ยังคงดำเนินการต่อ ถ้าพบว่ามีความผิดก็จะถูกดำเนินคดีในฐานของตำรวจ เพราะเรื่องเกิดขึ้นในขณะที่ท่านเป็นตำรวจ
เมื่อถามว่าคิดว่าใครจะได้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่ากฎหมายบอกไว้ว่า คนที่จะเป็น ผบ.ตร.ต้องมีความอาวุโส มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ ซึ่งในขณะนี้คาดว่าคงเป็น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. หรือบิ๊กต่าย เพราะบิ๊กต่าย มีความอาวุโส ขณะนี้ดำรงตำแหน่ง รักษาราชการแทน ผบ.ตร. และไม่มีจุดด่างพร้อยแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี