30 พ.ค. 2567 หลังการเปิดเผยจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่านทางบัญชีแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ว่า ‘แป้ง นาโหนด’ นายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษหนีคดีจากประเทศไทยไปกบดานอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ถูกจับกุมได้แล้ว
ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับทางการอินโดนีเซีย ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมผ่านสื่อ ว่า เสี่ยแป้ง ถูกจับที่เมืองบาหลีของอินโดนีเซีย และในวันที่ 31 พ.ค. 2567 จะประสานเพื่อรับตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
เพื่อความชัดเจน "แนวหน้าออนไลน์" จึงได้รวบรวมไทม์ไลน์เส้นทางหลบหนีของ"แป้ง นาโหนด"
คดีนี้ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2566 แป้ง นาโหนด ซึ่งถูกคุมขังอยู่ ณ เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกส่งตัวมาพักรักษาอาการป่วยที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้อาศัยจังหวะนี้หลบหนี จากนั้นมีรายงานว่า เสี่ยเป้งได้หลบหนีเข้าไปในบริเวณเทือกเขาบรรทัด และมีรายงานการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าในวันที่ 8 พ.ย. 2566 กระทั่งในวันที่ 24 พ.ย. 2566 มีรายงานว่า เสี่ยแป้งลงจากเขาแล้ว ทางตำรวจจึงถอนกำลังออกไป
ในช่วงเย็นของวันที่ 24 พ.ย. 2566 มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของ เสี่ยแป้ง นาโหนด ซึ่งไม่ทราบว่าถ่าย ณ จุดใด แต่มีฉากหลังเป็นสวนปาล์ม
โดยเนื้อหาภายในคลิป นายเชาวลิต กล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ และบอกว่าที่ตนต้องหนี เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมหลายฉบับ แต่ไม่เคยได้รับการตอบรับ โดยคดีของตน มีตนเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมกับอ้างว่า ถูกอัยการคนหนึ่งหลอกให้ตนไปช่วยหลานที่ถูกอุ้มในคดียาเสพติด ทำให้ต้องปะทะกับตำรวจ และตนก็ถูกโยนให้เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด แต่ยืนยันได้ว่าชีวิตของตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะเคยเจอกับคนที่ค้ายาเสพติดก็ตาม
ในคลิปเดียวกัน เสี่ยแป้ง ยังเล่าถึงช่วงที่หลบหนีการไล่ล่าของตำรวจบนเทือกเขาบรรทัดด้วยว่า ตำรวจไม่ได้ต้องการจับเป็น แต่ต้องการวิสามัญฆาตกรรมตน เห็นได้จากการใช้อาวุธ M79 ยิงใส่ตนกว่า 10 นัด แต่ตนไม่ต้องการฆ่าใคร มีตำรวจนายหนึ่งมาเจอตนแล้วหันหลังวิ่งหนีไปหลบหลังต้นไม้ ตนก็ไม่ยิง ใครสงสัยก็ให้ไปถามตำรวจนายนั้นได้ หากตนจะฆ่าจริงๆ ก็คงตายไปแล้ว แต่ตนไม่ต้องการเป็นศัตรู และเข้าใจว่าตำรวจก็มีลูกเมีย
วันที่ 25 พ.ย. 2566 มีการเผยแพร่คลิปที่ 2 ของ เสี่ยแป้ง นาโหนด ซึ่งมีฉากหลังเหมือนอยู่ในห้อง โดยเสี่ยแป้งย้ำอีกครั้งถึงคดีที่ตนไปร่วมก่อเหตุ แต่ตนกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมกับเอ่ยชื่อทั้งอัยการและตำรวจ ที่อ้างว่าร่วมกันวางแผนก่อเหตุ และย้ำถึงวินาทีปะทะบนเทือกเขาบรรทัด ว่าตำรวจนายหนึ่งวิ่งหนี แต่ตนเลือกยิงปืนขึ้นฟ้าแทนที่จะยิงใส่กลางหลังตำรวจนายนั้น เพราะตนรู้ว่าทำผิดตนก็ยอมรับ เพียงแต่ต้องการให้ดำเนินดคีกับอัยการที่ถูกกล่าวถึงด้วย พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่มอบตัว หากจะจับตนให้ได้ก็ต้องจับตาย เอากลับไปแต่ศพเท่านั้น พร้อมกล่าวขอโทษประชาชนที่ทำให้เดือดร้อน
วันที่ 30 พ.ย. 2566 มีรายงานการเผยแพร่คลิปที่ 3 ที่เนื้อหายังคงเป็น แป้ง นาโหนด ระบายความในใจอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า เจ้าตัวได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว จากนั้นวันที่ 1 ธ.ค. 2566 หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเพราะช่วยพาเสี่ยแป้งหลบหนี ได้ให้ข้อมูลว่า วันที่ 8 พ.ย. 2566 ตนได้รับโทรศัพท์จากบุคคลปริศนา บอกให้ไปรับเสี่ยแป้งที่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง และตนก็พาซ้อน จยย. ไปส่งที่หน้าวัดพรุนายขาว อ.ตะโหมด จากนั้นเห็นรถเก๋งมารับเสี่ยแป้งไปต่ออีกทอดหนึ่ง แต่จำเลขทะเบียนไม่ได้
โดยรถเก๋งดังกล่าว ได้พาแป้ง นาโหนด ไปซ่อนตัวที่บ้านผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งในพื้นที่ จ.สตูล ก่อนที่แป้ง นาโหนด จะใช้เรือสปีดโบ๊ท เป็นพาหนะหลบหนีจากประเทศไทย โดยออกจากท่าเรือในท้องที่บ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล มุ่งหน้าไปยัง จ.อาเจะห์ ประเทสอินโดนีเซีย เพื่อไปกบดานภายใต้การดูแลของอดีตนายทหารยศพันโทของอินโดนีเซีย ก่อนที่ข่าวของ เสี่ยแป้ง นาโหนด จะเงียบหายไป กระทั่งมีรายงานว่าถูกจับกุมแล้ว ตามที่นายกฯ เศรษฐา ระบุ
เป็นการปิดฉาก 222 วัน มหากาพย์แห่งการแหกคุกของ"เสี่ยแป้ง นาโหนด"
สำหรับประวัติของ ‘แป้ง นาโหนด’ ชื่อจริง นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี เป็นชาว ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ด้านหนึ่งมีกิจการอู่ซ่อมรถ และพยายามสร้างฐานการเมืองของตนเองในท้องถิ่น อีกทั้งมีบุคลิกเป็นคนสุภาพ พูดจาดีกับทุกคนรวมถึงลูกน้องในทีม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตั้งทีมรับงานทวงหนี้ในกลุ่มคนทำธุรกิจผิดกฎหมาย มีคดีติดตัวตั้งแต่ปี 2550-2562 ส่วนใหญ่เป็นคดีฆาตกรรมและพยายามฆ่า ซึ่งเป้าหมายมีทั้งบุคคลทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งถูกจับกุมและถูกจำคุกที่เรือนจำพัทลุง แต่ต่อมาก็ต้องย้ายไปคุมขังที่เรือนจำนครศรีธรรมราช เพราะอยู่ในเรือนจำพัทลุงก็ยังมีลูกน้อง และมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคู่อริที่ถูกคุมขังอยู่ด้วยกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี