โจ๋แรงงานเขมรขับมอเตอร์ไซค์ออกไปเรียกแท็กซี่เจออริวัยรุ่นไทย ยกพวกขับรถตามวัยรุ่นไทยเข้าไปในซอยถูกยิงดับ  1 ราย เจ็บ 1 รายตำรวจคลองหลวงตามรวบหนุ่มไทยได้ทันควัน 2 ราย

เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 7 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.วสันต์ คีรีนิล รองสารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 รายที่เกิดเหตุกลางซอยบงกช 42 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง.ผกก.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.สุชัย แสงสว่าง รองผกก.สอบสวน สภ.คลองหลวง พ.ต.ท. สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 แพทย์เวรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ในที่เกิดเหตุเข้าจากปากซอยด้านถนนเลียบคลองสองไปประมาร 70 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายหนึ่งรายทราบชื่อนายไทย อายุ 18 ปี สัญชาติกัมพูชา สภาพศพนอนหงายหน้าสวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าถูกยิงที่บริเวณหน้าท้องฝั่งขวาจำนวนหนึ่งนัดกระถูกถูกอวัยวะภายในเป็นเหตุให้เสียชีวิต ใกล้กันพบผู้รับบาดเจ็บอีก 1 รายชื่อนายรัฐภูมิ อายุ 15 ปีถูกยิงบริเวณไหล่ซ้าย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 

ห่างไปประมาณ 500 เมตร บริเวณโครงการบ้านมั่นคง (พอช) สหกรณ์เคหะสถานีเทพมงคลพบรถ จอย.จำนวน 4 คันล้มระเนระนาดอยู่ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืน ขนาด.380 ตกอยู่ 1 ปลอก กระสุนปืนขนาด .380 อีก 1 ลูก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บไว้เพื่อทำการตรวจสอบ

นายรัฐภูมิ ได้รับบาดเจ็บกล่าวว่า คนเสียชีวิตขับรถ จยย.ออกมากับเพื่อนเพื่อจะไปเรียกรถแท็กซี่บริเวณปากซอยด้านถนนเลียบคลองสองมาให้ญาติที่แคมป์คนงานด้านหลังซอยเพื่อจะกลับบ้านที่ กทม.ระหว่างทางพบคู่กรณีขับรถไล่จึงได้โทรไปตามพวกตนขับรถออกมาดูเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ก่อนที่คนร้าย 2 คนจะเลี้ยวรถกลับขับเข้าไปด้านหลังซอย พวกตนจึงขับรถตามไปเมื่อไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุด้านในวัยรุ่นคนดังกล่าวซึ่งใช้รถ จยย.ฮอนด้ารุ่นเวฟสีเทา คนซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มพวกตน 2 นัดกระสุนโดนตนและรุ่นพี่จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตก่อนที่จะเดินแบกกันออกมาจากที่เกิดเหตุออกมาปากทาง ซึ่งห่างกันประมาณ 300 เมตร เพื่อหนีการถูกทำร้าย

ต่อมา พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง ได้นำกำลังชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมใช้กำลังปิดล้อมกดดันบริเวณหน้าบ้านผู้ก่อเหตุภายในโครงการบ้านมั่นคง (พอช) สหกรณ์เคหะสถานีเทพมงคล จนนายภูริทัต อายุ 20 ปี อยู่ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนายศตวรรษ อายุ 20 ปี อยู่ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเช่นกันออกมามอบตัวพร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก

นายภูริทัต ให้การรับสารภาพว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. ตนขับรถ จยย.ออกจากบ้านไปเพื่อซื้อของกระทั่งขณะที่ตนขับรถกลับบ้านได้เห็นวัยรุ่น 3-4 คันอยู่ภายในซอยกำลังเข้ามาจากภายในซอย 2 คันลักษณะสวนทาง จากนั้นทั้งหมดก็ขี่รถ จยย.ตามตนมา จากนั้นตนได้ขี่รถเข้าไปบริเวณปากทางเข้าบ้านตนเองหน้าโครงการบ้านมั่นคง จากนั้นตนก็จอดรถก่อนที่วัยรุ่นพวกนั้นจะขว้างระเบิดใส่ตน ทางตนจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่จำนวน 2 นัดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 

โดยก่อนหน้านี้ตนและกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นแรงงงานก่อสร้างประเทศเพื่อนบ้านเคยมีเรื่องบาดหมางกันเพราะขับ จยย.สวนทางกับคู่กรณีก็เบิ้ลเครื่องใส่และเมื่อ 2 วันที่แล้วตนขี่รถจะไปส่งเพื่อนเจอกับคู่กรณีตรงลูกระนาดก่อนที่คู่อริจะควักเอามีดสปาต้าใส่ ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเรื่องกัน สำหรับปืนกระบอกนี้ตนเป็นคนยิง ส่วนอาวุธปืนซื้อมาจากเพื่อนในราคา 9,000 บาท หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปภายในหมู่บ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมาประชิดตัวและจับกุมไว้ได้

สอบลสวนเบื้องต้นนายเดือน อายุ 21 ปี สัญชาติกัมพูชาให้การว่า ตนเห็นเขาขับสวนมาก็เลยขับรถไล่ไปแล้วพวกตนก็จอดถึงหน้าบ้านแล้วเขาก็ยิงเลยตอนนั้นพวกตนมาประมาณ 5 คัน 10 คน ส่วนมือปืนมา 2 คนโดยคนซ้อนเป็นคนยิง ตนได้ยินเสียงปืนดัง 2 นัดซึ่งคนยิงอยู่ในซอยนี้ โดยก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกันและพยายามไล่ฟันกลุ่มน้องตน โดยคนยิงน่าจะเป็นคนไทยโดยบ้านของผู้ก่อเหตุอยู่แถวแถวกลางซอยบริเวณร้านค้าซึ่งหลังจากที่โดนยิงแล้วพวกน้องๆ ก็ได้อุ้มคนเสียชีวิตวิ่งออกมาโดยรถ จยย.ของพวกตนยังล้มอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดส่วนมือปืนนั้นไม่รู้จัก แต่ว่าคนเสียชีวิตรู้จักเพราะก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาและไล่ฟันกันมาก่อน ซึ่งพวกตนทำแคมป์คนงานก่อสร้างบริเวณริมคลอง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่ง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป - 003