ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่าหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอ ขณะนี้ สทนช.ได้เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนมาตรการรับมือฤดูฝน พร้อมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กนช.ยังได้เห็นชอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนและการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภค-บริโภค เพื่อรองรับสถานการณ์ที่กำลังเข้าสู่สภาวะลานีญาซึ่งคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มรุนแรง โดยแผนงาน/โครงการภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนดังกล่าว จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับตั้งแต่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ คาดว่าแต่ละหน่วยงานจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
สำหรับกรณีที่หลายภาคส่วนมีข้อกังวล ว่าในปีนี้อาจเกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะเริ่มเข้าสู่สภาวะลานีญาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ต่อเนื่องถึงปลายปี 2567 สทนช.ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ บูรณาการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์ฝน ตลอดจนสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง พบว่าสถานการณ์ในปีนี้แตกต่างจากปี 2554 หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณฝนในช่วงต้นฤดูฝนปีนี้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งพายุหมุนเขตร้อนที่พัดผ่านประเทศไทยปีนี้คาดว่าจะมีเพียง 1-2 ลูก นอกจากนี้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศในช่วงปี 2554 ยังกระจัดกระจายขาดเอกภาพมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากถึง 48 หน่วยงาน ก่อให้เกิดปัญหาความทับซ้อน เพราะไม่มีหน่วยงานหลักเข้ามาดูแลบริหารจัดการภาพรวม แต่ปัจจุบันการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีเอกภาพมากขึ้น หลังจากการจัดตั้ง “สํานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)”ขึ้นมาเมื่อปี 2560 ทำหน้าที่บูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพ โดยมี พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เป็นกฎหมายหลักในการบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ ประสานสอดคล้องกันในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน
เช่นเดียวกับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของไปประเทศไปสู่การปฏิบัติในปัจจุบัน ก็ได้มีการจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำขึ้นมา ทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ในระดับชาติ โดยคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่จัดทำนโยบายและแผนแม่บท ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ ส่วนในระดับลุ่มน้ำ มีจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำขึ้นมาขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำ และในระดับพื้นที่ มีการตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ ขึ้นมาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนั้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในปัจจุบันจึงมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติ สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด สอดคล้องกับสถานการณ์จริง และอยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี