แม่‘โจรชิงทอง’เปิดใจ ลูกชายติดเกมวางแผนจริง บ้านมีปัญหาการเงิน ถูกตุ๋นลงทุน

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายชิงทองคำน้ำหนักประมาณ 70 บาท มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ในห้างดังกลางเมืองเชียงใหม่ ช่วงเวลาประมาณ 11.30 น.วันที่ 8 ก.ค.67 จากนั้นขับรถยนต์หลบหนี โดยมีผู้พบว่าถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในป่าข้างทางขึ้นดอยสุเทพ โดยตำรวจตรวจสอบพบรอยเลือดจำนวนมากภายในรถ ก่อนมีการจับกุมนายนิพิฐพนธ์ อายุ 26 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุได้ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายมีการวางแผนก่อเหตุเป็นอย่างดี โดยซึมซับมาจากการที่เป็นคนติดเกม โดยเฉพาะเกมวางแผนและใช้ความรุนแรง

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (9 ก.ค.67) ที่ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางพ่อและแม่ของนายนิพิฐพนธ์ ได้เดินทางขอเข้าเยี่ยมลูกชายที่ถูกควบคุมตัวมาสอบปากคำ โดยนำอาหารเป็นข้าวเหนียวไก่ทอดมาฝาก แต่เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่อนุญาตให้เข้าพบ

แม่ของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจและขอโทษที่ลูกชายก่อเหตุดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ทราบและไม่มีวี่แววมาก่อนว่าลูกชายจะก่อเหตุ แต่ยอมรับว่าลูกชายมีพฤติกรรมหมกมุ่นและติดเกมจริงๆ โดยเฉพาะเกมวางแผนและต่อสู้ใช้ความรุนแรง รวมทั้งชอบดูหนังแนวเดียวกันนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งได้พยายามห้ามปรามตักเตือนอยู่ตลอด แต่ไม่เป็นผล ขณะที่ตามปกติแล้วลูกชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและไม่ค่อยพูด จึงไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะก่อเหตุเช่นนี้ เมื่อทราบว่าตำรวจเข้ามาจับกุมตัวที่บ้าน ยังตกใจมาก เพราะหลังก่อเหตุแล้วลูกชายได้กลับมาอยู่ที่บ้านและทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง

สำหรับที่มีการระบุว่าลูกชายก่อเหตุเพราะทางบ้านมีปัญหาทางการเงินเพราะถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทองสูญเสียเงินจำนวนมากนั้น ยอมรับว่า ทางบ้านมีปัญหาการเงินจากการถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจริง โดยเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ทางบ้านได้นำเงินที่มีไปลงทุนกับการเทรดทองกับผู้ก่อเหตุที่ตกเป็นข่าวใหญ่และถูกหลอกไปเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ทำให้ทางบ้านเผชิญปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ก่อนหน้านั้นลูกชายเคยเตือนแล้วแต่พ่อแม่ไม่เชื่อ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ลูกชายก่อเหตุเพราะหวังจะนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว แต่ยืนยันว่าทางบ้านไม่รู้เรื่องระแคะระคายแม้แต่น้อย และถึงจะมีปัญหาเรื่องถูกโกงเงิน แต่ทางบ้านยังใช้ชีวิตอยู่ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่สุขสบายเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น

ทั้งนี้ ลูกชายไม่ได้ทำงานอะไร แต่ทำหน้าที่คอยดูแลแม่และแม่ให้เงินเดือนราวเดือนละ 15,000-20,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่น้อย ส่วนความผิดที่ลูกก่อเหตุนั้น ยอมรับว่าเป็นห่วงลูก เพราะในสายตาแม่แล้ว ลูกเป็นเด็กและเป็นคนดีเสมอ แต่ไม่ได้ปกป้องว่าลูกไม่ผิด และบอกกับลูกแล้วให้พูดความจริงทั้งหมด รวมทั้ง ขอแสดงความเสียใจและขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย โดยทางครอบครัวจะไปกราบขอขมาแทนลูกชายอย่างแน่นอน

-005