แม่ป่วยจิตเวชหายไปนาน 2 ชม. และกลับมาบ้านในสภาพสะบักสะบอม ลูกสาวจึงสอบถาม แม่เล่าให้ฟังว่าขณะเดินอยู่ริมถนน มีชายแปลกหน้า ชวนซ้อนมอเตอร์ไซด์ อ้างจะไปส่งบ้าน แต่กลับถูกพาไปข่มขืนในป่ามัน

เมื่อเวลา 19:00 น. วันที่ 14 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อติดตามข้อเท็จจริง กรณีมารดาของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งมารดามีอาการป่วยจิตเวช ถูกชายแปลกหน้าลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ จึงเดินทางไปพบที่บ้าน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พบกับ ลูกสาวผู้เสียหายชื่อ นางสาวโอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี จึงสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น

นางสาวโอ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แม่ตนเป็นผู้ป่วยจิตเวช เข้ารับการรักษาอยู่ ปกติแม่จะชอบเดินไปที่ร้านไก่ย่างในพื้นที่เป็นประจำ ซึ่งวันเกิดเหตุคือวันที่ 27 มิ.ย 67 เวลาประมาณ 17:00 น. ตนกำลังเตรียมตั้งร้านขายของ ก็เห็นแม่นั่งซ้อนท้ายรถชายคนดังกล่าวไปก็คิดว่าแม่ไปบ้านป้าเพราะปกติแม่จะมีคนไปส่งหาป้าเป็นประจำ ต่อมาได้มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมาหาตนเพื่อตามหารถ จยย. คันที่แม่ซ้อนไป บอกว่าเป็นเจ้าของรถ ตนเลยเริ่มเอะใจ จึงโทรหาป้าปรากฏว่าแม่ไม่ได้อยู่ที่บ้านป้าเริ่มใจคอไม่ดี จนต่อมาเวลา 19:50 น. พี่ผู้หญิงเจ้าของรถ จยย. ได้รถคืนมาแล้ว และพาแม่นั่งซ้อนท้ายกลับมาส่ง บอกว่าเจอแม่เดินอยู่ริมถนนห่างจากบ้านประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร ในสภาพสะบักสะบอม เหลือเพียงเสื้อกับกางเกงชั้นใน ส่วนกางเกงข้างนอกหายไป

นางสาวโอ เล่าเพิ่มว่า ตนปากถามแม่ทราบว่า ถูกข่มขืน แต่แม่ตนจำหน้าได้ว่าเป็นใคร ตนจึงให้แม่พาไปชี้ตัวชายแปลกหน้า ซึ่งยังเป็นผู้ต้องสงสัย พบว่าชายแปลกหน้าคนนี้เป็นคนที่ชอบมานั่งสังสรรค์ที่ร้านไก่ในพื้นที่ใกล้บ้าน ตนจึงถามไปว่าได้ทำหรือเปล่า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวชายแปลกหน้าไป สภ.บ้านค่าย ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาแต่ยังพูดคุยรู้เรื่อง และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้พาแม่เข้าตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลบ้านค่าย พร้อมเรียกชายผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำในอีกวัน เมื่อตนพาแม่เข้าไปตรวจร่างกายทางโรงพยาบาลแจ้งว่ารอผลประมาณ 1 เดือน จนล่าสุดเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนสอบถามถึงผลตรวจไปทางโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลแจ้งว่ารอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเอาเอกสารไปแต่ไม่ทราบว่าผลตรวจร่างกายออกหรือยัง ตอนนี้ก็รอเจ้าหน้าที่ติดต่อมาอย่างเดียว

ล่าสุดตนได้ยินคนในพื้นที่เล่ามาว่าผู้ต้องสงสัยได้ให้การปฏิเสธบอกว่าไม่ได้ทำ และยังพูดกับตนว่า “อยากกินข้าวคุก” และก็ยังเห็นว่าชายคนดังกล่าวใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุจนถึงวันนี้ผ่านมา 17 วันแล้ว ผู้เสียหายและลูกสาวก็ยังรอและหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังลอยนวล อยากให้ได้รับโทษ