อีสานชื่นมื่น!!! สพฐ.สัญจรลงพื้นที่แก้หนี้สินครู

อีสานชื่นมื่น!!! สพฐ.สัญจรลงพื้นที่แก้หนี้สินครู

วันอาทิตย์ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 22.10 น.

อีสานชื่นมื่น!!! สพฐ.สัญจรลงพื้นที่แก้หนี้สินครู "คลายทุกข์ สร้างสุขอย่างยั่งยืน เริ่มต้นจากครูสู่ห้องเรียนที่มีความสุขถ้วนหน้า"

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. นำทีม สพฐ. ร่วมงาน "สพฐ.สัญจร รวมพลังแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากร" จุดที่ 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดมุกดาหาร ณ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร ร่วมกับ ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และ ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ลงทะเบียนเข้ารับการแก้ไขหนี้สินกับ สพฐ. รวมถึงผู้ที่มีเงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 และผู้ที่มีความทุกข์จากการเป็นหนี้สิน โดยมีผู้บริหารจาก ผอ.สพท. ในเขตตรวจราชการที่ 10-14 ทั้ง 20 จังหวัด 78 เขตพื้นที่การศึกษา รอง ผอ.สพท. บุคลากรสถานีแก้หนี้ระดับ สพท. และผู้สนใจ เข้าร่วมประชุม onsite รวมทั้งสิ้นกว่า 400 คน และรับชมถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ Facebook live : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. ซึ่งมีผู้ชมที่สนใจทั่วประเทศ กว่า 10,078 คน พร้อมด้วยประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้แทนธนาคารออมสิน ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับเกียรติจาก นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง


นางเกศทิพย์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ และนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ.  เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ ร่วมกับสถานีแก้หนี้ครูทั่วประเทศ เพื่อช่วยคลายทุกข์ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและความสุขในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรฯ การทำให้ครูมีความสุขจะช่วยให้สามารถทำหน้าที่ในการสร้างการเรียนรู้ที่มีความสุขแก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าที่ของทุกคนคือการลดภาระครูและส่งเสริมความสุขด้วยการปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเป้าหมายคุณภาพชีวิตที่ดี ฉะนั้น การจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครูและบุคลากรฯทุกคนต้องถูกคลายทุกข์แล้วสร้างสุขแบบยั่งยืน เพื่อทำคุณภาพห้องเรียนภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้สุขเริ่มที่ครูเป็นจริง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกภาคส่วน ผ่านการเจรจาของทุก ๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูบรรลุผลสำเร็จ  โดยเฉพาะ ผอ.เขต ที่เป็นผู้นำของข้าราชการครูและบุคลากร เป็นผู้มีบทบาทหลักที่จะทำให้บุคลากรในสังกัดที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ได้รับการคลายทุกข์ และทำให้ทุก ๆคน ได้รับเงินเดือนเหลือมากกว่า 30% จริง เพื่อการครองชีพที่เหมาะสม

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า จากการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู พบว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ฯที่มีผลต่างของอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 0.90 จนถึง 7.65 ซึ่งจากการวิเคราะห์ค่าบริหารจัดการเฉลี่ย ควรอยู่ที่ร้อยละเท่าไร แต่ไม่ควรต่างกันมาก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทและการบริหารจัดการเงินในสหกรณ์ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจิตของครู ผอ.สพท ควรสร้างความตระหนักถึงปัญหาหนี้บัตรเครดิต โดยแนะนำให้ชำระเงินตามความสามารถและไม่เพิกเฉยต่อหนี้สิน ควรให้ความรู้เรื่องการเงินและการบริหารจัดการหนี้แก่ครู โดยเฉพาะครูผู้ช่วยที่มีประสบการณ์น้อย การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบควรเจรจาผ่อนชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และประสานงานกับเจ้าหนี้ รวมถึงขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อสร้างสภาพคล่อง การสร้างวินัยทางการเงินตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การอบรมและให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน จะช่วยให้ครูและบุคลากรฯมีทักษะในการจัดการหนี้สินและสร้างความมั่นคงทางการเงิน ควรติดต่อธนาคารเพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกฎหมายและตำรวจในการเจรจากับเจ้าหนี้ร่วมด้วย

"โอกาสนี้ ขอขอบคุณ ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี, ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย, นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี, ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมุกดาหาร จำกัด, ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ด จำกัด, สหกรณ์ออมทรัพย์เครือข่ายพัฒนาชีวิตครูมุกดาหาร จำกัด, ธนาคารออมสิน, ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทีมสถานีแก้หนี้ สพฐ. ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง เพื่อเป้าหมายการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครูและบุคลากรฯต้องถูกคลายทุกข์และสร้างสุขอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพห้องเรียนให้นักเรียนมีความสุขที่สุด โดยเริ่มจากครูที่เป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ให้ครูยิ้มได้ นักเรียนอุ่นใจ สร้างห้องเรียนแห่งความสุขได้อย่างแท้จริง” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ทั้งนี้ ภายในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ "ปัญหาการฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับหนี้สินและการมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 กับการแก้ปัญหาตามมาตรการกลางของรัฐบาล" โดย ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย "การไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาครูที่มีเงินดำรงชีพเหลือน้อยกว่า 30% และกรณีที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี" โดย ดร.ขจร ธนะแพสย์ เลขานุการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และ "สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกับการช่วยเหลือสมาชิก" โดย ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี จำกัด เป็นต้น

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top