น้ำท่วม5จังหวัดเหนือยังหนัก
‘สุโขทัย’อ่วม!
‘เจ้าพระยา’ตรึงการระบายน้ำ
เตือนอ่างทอง-อยุธยาเฝ้าระวัง
จับตา10จว.ภาคกลาง-กทม.
ยอดผู้เสียชีวิต22บาดเจ็บ19
สถานการณ์น้ำท่วมใน 5 จังหวัดภาคเหนือยังหนัก เชียงรายน้ำโขงหนุนสูง สทนช.เตือนสุโขทัย เฝ้าระวังน้ำท่วม ส่วนกรมชลฯชี้เขื่อนเจ้าพระยา ตรึงการระบายน้ำ ให้ชาวบ้าน 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวัง ปภ.จับตา 10 จังหวัดภาคกลาง-กทม.เตรียมรับมือน้ำเจ้าพระยา
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงช่วง อ.เชียงของ ยังคงเพิ่มปริมาณสูงขึ้น โดยสถานีตรวจวัดน้ำโขง ตรวจวัดระดับน้ำอยู่ที่ 10.78 เมตร สูงขึ้นจากวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา 48 เซนติเมตร ซึ่งระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นได้ท่วมท่าเรือส่งสินค้า การสัญจรไปยังฝั่งประเทศลาว เป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วม 5 หลัง ทางหน่วยงานภาครัฐ ได้เข้าช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ทางอำเภอเชียงของ ยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำ เนื่องจากการระบายน้ำจากแม่น้ำอิง ลงสู่แม่น้ำโขง มีปริมาณมาก
มีรายงานข่าวว่า เขื่อนจิงหง ประเทศจีน ซึ่งอยู่เหนือพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ขึ้นไป ได้มีการระบายน้ำเพิ่ม 80 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม./วินาที น้ำจากเขื่อนดังกล่าวใช้เวลาเดินทาง 18 ชั่วโมง ถึง อ.เชียงแสน และไหลผ่าน อ.เชียของ ทำให้ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่ จ.หนองคาย วันเดียวกัน ระดับน้ำโขงที่วัดโดยส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 11.78 เมตร ลดลงจากเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา 2 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 42 เซนติเมตร ปริมาณน้ำฝน 12.5 มม.แนวโน้มน้ำโขง ทรงตัวและลดลงทีละน้อย แต่ฝนยังตกทั่วพื้นที่ตลอดคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ที่บ้านหาดคำ หมู่ 14 ยังมีน้ำจากแม่น้ำโขง ทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ส่วนข้อมูลของ อ.เมือง พบว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบ คือ ต.เวียงคุก ต.เมืองหมี ต.ปะโค ต.กวนวัน ต.หาดคำ ต.สีกาย และ ต.บ้านเดื่อ
ส่วนที่ จ.น่าน สถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้นบางจุด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งฟื้นฟูพื้นที่หลังจากน้ำท่วม หลายโรงเรียนหลายแห่งยังคงปิดการเรียนการสอน เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูงก่อนหน้านี้เกือบ 4 เมตร ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงต้องนำข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายไปทิ้ง และมีการทำความสะอาด
สำหรับน้ำโขงที่ไหลผ่านพื้นที่ จ.บึงกาฬ เช้าวันเดียวกัน วัดได้ 12.20 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.80 เมตร จุดวิกฤตคือ 13 เมตร แต่ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่อง มวลน้ำจากลำน้ำสาขาและน้ำจากภูเขาควาย ฝั่งประเทศลาว ไหลลงมาตามลำห้วยและแม่น้ำสายหลัก
ขณะที่นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ปริมาณน้ำที่ จ.สุโขทัย จะมากที่สุด คือจุดสถานี Y14A อ.ศรีสัชนาลัย ก่อนจะถึงประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ดังนั้นเรื่องการบริหารจัดการน้ำหน้าประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์จะระบายไปทางคลองยมน่านเป็นหลัก และก่อนหน้านี้ได้รื้อทางรถไฟที่เป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อระบายได้ 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเพียงพอ อีกส่วนจะระบายในคลองในแม่น้ำยมเก่า ซึ่งระบายได้ 200 ลบ.ม./วินาที ที่เหลือจะระบายในส่วนของท้ายหาดพระจันทร์ ซึ่งขณะนี้ตัวเมืองสุโขทัย ระบายได้ 500 ลบ.ม./วินาที อาจมีน้ำล้นพนังกั้นน้ำบ้างเล็กน้อย แต่พี่น้องประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ได้ช่วยกันเสริมกระสอบทราย จึงเป็นลักษณะน้ำล้นในระดับหนึ่ง แต่ก็มีเครื่องสูบน้ำที่จะสูบออก เพื่อบริหารจัดการรักษาพื้นที่เศรษฐกิจของตัวเมืองสุโขทัย
นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า จากนั้นน้ำจะมาทาง จ.พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ จึงจะมีการเร่งระบายน้ำลงในแม่น้ำน่าน เพื่อให้น้ำในทุ่งน้อยลง เนื่องจากมีการประเมินว่าในเดือนกันยายนนี้ มีแนวโน้มปริมาณฝนค่อนข้างมากเข้ามาอีก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ส่วนเดิมๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอยู่แล้ว หลังจากนี้น้ำจะมารวมกันที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งปริมาณน้ำจะอยู่ที่ 1,000 ลบ.ม./วินาที ทำให้การระบายน้ำเจ้าพระยา จะอยู่ที่อัตรา 700-1,000 ลบ.ม./วินาที ดังนั้นจะไม่ส่งผลกระทบตามที่เป็นข่าวว่าจะเหมือนปี 2554 เพราะครั้งนั้นน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ถึง 3,000 ลบ.ม./วินาที จึงยืนยันว่าปริมาณน้ำที่มาในครั้งนี้ต่างจากปี 2554 โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยากรมชลประทานจะมีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนก่อนในการให้ยกของขึ้นที่สูง
นายสุรสีห์ กล่าวอีกว่า พื้นที่ซึ่งเข้าสู่สถานการณ์ปกติแต่ยังไม่สามารถระบายน้ำตามธรรมชาติได้ นั้น ได้มีการระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยเหลือให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว ขณะที่เรื่องของพายุ กรมอุตุฯ ใช้หลักสถิติว่าช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ยังเป็นช่วงฤดูฝน มีโอกาสที่จะเกิดพายุที่จะเข้าประเทศไทยได้ 1-2 ลูก แต่จะเข้ามาหรือไม่ต้องติดตามอีกครั้ง แต่เราก็ไม่ประมาทที่จะมีการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ที่ขณะนี้อยู่ในจุดที่ยังรองรับน้ำได้อีกมาก
ทั้งนี้ สทนช.สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.สุโขทัย 76 มิลลิเมตร (มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น 94 มม.ภาคกลาง จ.สิงห์บุรี 54 มม.ภาคตะวันออก จ.จันทบุรี 47 มม.ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี 30 มม.และภาคใต้ จ.พังงา 146 มม.ส่วนการบริหารจัดการน้ำ สทนช.ติดตามในพื้นที่ จ.สุโขทัย ปัจจุบันน้ำจาก จ.แพร่ ไหลลงมาถึง จ.สุโขทัย และเกิดสถานการณ์น้ำหลากใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.ศรีสัชนาลัย โดยน้ำในแม่น้ำยม ไหลผ่าน อ.ศรีสัชนาลัย มีแนวโน้มสูง ส่วนตัวเมืองสุโขทัย น้ำมีแนวโน้มสูงแต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำเหนือ โดยการหน่วงน้ำไว้ที่เหนือประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก และใช้คลองหกบาท คลองยมน่าน แม่น้ำยมสายเก่า และแม่น้ำน่าน ช่วยตัดยอดน้ำหลากก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองสุโขทัย พร้อมควบคุมการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำ (ปตร.) บ้านหาดสะพานจันทร์ลงสู่แม่น้ำยมสายหลัก ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุทกภัย เกิดขึ้นแล้วใน 7 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์และนครศรีธรรมราช
วันเดียวกัน กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำ ว่าขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยา ตรึงการระบายน้ำในอัตรา 700 ลบ.ม./วินาที โดยเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ ให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมยกของขึ้นที่สูง ดังนี้ 1.คลองโผงเผง จ.อ่างทอง 2.คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ 3.ชุมชนแม่น้ำน้อย (ต.หัวเวียง อ.เสนา , ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา) ทั้งนี้ หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มมากขึ้น จะรีบแจ้งให้ทราบในระยะต่อไป
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง ภูเก็ต ยะลา และนครศรีธรรมราช รวม 68 อำเภอ 270 ตำบล 1,469 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,953 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย น่าน แพร่ พะเยา และสุโขทัย รวม 32 อำเภอ 125 ตำบล 737 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,858 ครัวเรือน
นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่ สำหรับการแก้ปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เข้าแก้ปัญหา เร่งระบายน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย และผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว
นอกจากนี้ จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังแรงขึ้นจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำล่วงหน้า 1-3 วันข้างหน้า พบว่าปริมาณน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 1,000 ลบ.ม./วินาที จึงจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 700 - 900 ลบ.ม./วินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 40-80 เซนติเมตร
พร้อมกับได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง (จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ) รวมถึง กทม.ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม
ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ฉบับที่ 3 (151/2567) มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26–28 สิงหาคม 2567 ระบุว่า ช่วงวันที่ 26–28 สิงหาคม 2567 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขณะที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบน เคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น โดยช่วงวันที่ 27–29 สิงหาคม 2567 ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1–2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรงดออกจากฝั่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ว่าทาง สทนช.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมรับทราบสถานการณ์และจะประเมินว่าช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีฝนเข้าหรือไม่ รวมทั้งเร่งรัดโครงการที่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ว่ามีการดำเนินการไปถึงหน ส่วนงบประมาณก็จะดูว่ามีส่วนไหนที่จะช่วยประชาชนในช่วงนี้ ส่วนงบกลางยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะได้กันส่วนนี้ไว้แล้วหลายพันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการช่วยเหลือแบบพิเศษ มากกว่าที่ผู้ประสบภัยต้องได้รับตามปกติหรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ต้องคุยกันก่อน ว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร ประชาชนเดือดร้อนแค่ไหน ซึ่งความจริงเรามีเงินอยู่หลายส่วนที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ต้องรอประชุมถึงจะสรุปได้ว่าจะนำเงินส่วนไหนไปใช้
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าน้ำจะมากเหมือนปี 2554 หรือไม่ และจะมีมาตรการรองรับอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นปริมาณน้ำจะไม่เท่ากับปี 2554 แน่นอน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้เชิญกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินให้เกิดความแน่นอน ว่าจะมีฝนมาอีกหรือไม่ เพราะเรื่องสภาพภูมิอากาศต้องประเมินเรื่อยๆ เพราะอาจมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามา ทำให้ปริมาณน้ำมีมากขึ้นหรือน้อยลง
ต่อข้อถามว่า มีประชาชนร้องเรียนว่าไม่มีการแจ้งเตือนภัย และไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ประสบภัย รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ได้หารือกับ ปภ.และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แล้ว เนื่องจาก 2 หน่วยงานนี้มีศูนย์แจ้งเตือนอยู่แล้ว จะกำชับไปให้มากขึ้น ให้ระบบสามารถทำงานได้ ส่วนสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ประชาชนเข้าไม่ถึง ทางกระทรวงดีอี จะมีการเสริมอุปกรณ์ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ เพราะสามารถมีเครื่องโมบายไปติดตั้งเพื่อใช้ในภารกิจเฉพาะได้
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อไปเยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี