เกิดเหตุระเบิด-เพลิงไหม้ในแพลนผลิตสารตั้งต้นผลิตผงพีวีซีของ บ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) หรือ TPC ควันไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจำนวนมาก ล่าสุดบริษัทออกแถลงการณ์คุมเพลิงได้แล้ว เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่แจ้งอพยพ ปชช. รัศมีทิศทางควันไฟแล้ว
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.ย.2567 พ.ต.ท.สมัย สาดี  สว.(สอบสวน) สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้ในแพลนผลิตสารตั้งต้นผลิตผงพีวีซีผงของบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ 1 ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง จึงไปตรวจสอบ พร้อมแจ้งรถดับเพลิง อปท.ใกล้เคียง ไประงับเหตุ
 
ที่เกิดเหตุพบควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดำทะมึนบริเวณจุดแพลนผลิตสาร VMC หรือสารตั้งต้นผลิตพีวีซีผง โดยทางโรงงานฯ ได้มีการระดมฉีดน้ำเลี้ยงสกัดต้นเพลิง พร้อมระดมรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เบื้องต้นมีรายงานว่า ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ก่อนไฟลุกไหม้ขึ้นบริเวณแพลนผลิตสารเคมีดังกล่าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด 
 
นายวสวัตติ์ จันทร์เจริญ วิศวกรการผลิตโรงงานฯ เปิดเผยว่า ต้นเพลิงอยู่ที่แพลนผลิต VMC หรือสารตั้งต้นผลิตพีซี ซึ่งขณะเกิดเหตุแพลนได้มีการเดินเครื่องตามปกติ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ได้มีการแจ้งสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทันที เพื่อแจ้งอพยพประชาชนที่อยู่ในรัศมีควันไฟ และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามได้ในเวลา 30 นาที แต่ยังคงมีควันดำลอยขึ้นท้องฟ้า อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ดังนั้นแนะนำบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียงให้มีการเคลื่อนย้ายออกไปก่อน เพราะอาจจะมีอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ 

ขณะที่ ทางด้านโรงงาน ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 โดยระบุว่า

“เกิดเหตุเพลิงไหม้ และกลุ่มควัน บริเวณโรงงานไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ เนื่องจากสารเคมีรัวไหล ขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมสถานการณ์ ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 เวลา12.25 น. บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) ได้ตรวจพบการรั่วไหลของสารตั้งต้นในกระบวนการผลิตพีวีซี ณ โรงงานไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถนนไอ-หนึ่ง ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยบริษัทฯ ได้ตัดแยกระบบเพื่อควบคุมการรั่วไหลในทันที และอยู่ระหว่างการจัดเก็บสารเคมี

ทั้งนี้ การรั่วไหลของสารดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงไหม้และกลุ่มควัน ขณะนี้ บริษัทฯ สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เบาบางลงแล้ว เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต โดยบริษัทฯ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอให้ชุมชนที่อยู่ในทิศทางลมหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน หรือ สวมใส่หน้ากากอนามัยหากจำเป็น
บริษัทฯ ขออภัยในความไม่สะดวกต่างๆ และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชุมชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เพื่อดูแล ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชุมชนบริเวณรอบโรงงาน"