ศปช.ขอ อปท.อำนวยความสะดวกการเยียวยา ด้านเจ้าท่าสั่งเรือผ่านเขตน้ำท่วมต้องเบาเครื่องสถานเดียว

เมื่อเวลา 18.00 น.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีความคืบหน้าอย่างมาก  ล่าสุด กระทรวงแรงงาน จัดโครงการจ้างงานเร่งด่วน จำนวน 400 คน ช่วยฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม ระดมเคลียร์ดินโคลน ล้างทำความสะอาดในพื้นที่ชุมชนเกาะทราย ตลาดนัดสายลมจอย ชุมชนไม้ลุงขน และชุมชนเหมืองแดง ต.แม่สาย  ซึ่งดำเนินการมา 4 วันแล้ว และจะเคลียร์พื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) เพื่อให้ประชาชนกลับเข้าสู่บ้านเรือนที่พักอาศัยและร้านค้าสามารถดำเนินกิจการโดยเร็ว

และวันนี้ (12 ต.ค.)  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ติดตาม นโยบายจ้างงานให้คนงานลงไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วมและยังช่วยให้มีรายได้
โดยการจ้างงานด้วยการระดมเคลียร์ดินโคลนในชุมชนที่ยังมีตกค้างอยู่ตามบ้านเรือน สถานที่ทำงานและร้านค้าต่างๆ พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายสถานประกอบการและลูกจ้างที่ประสบภัย

ทั้งนี้ สำหรับการยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือค่าทำความสะอาดดินโคลน ซากวัสดุ บริเวณที่อยู่อาศัย หลังละ 10,000 บาท นั้น เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการดำเนินการ ศปช.ขอให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)และ อบต.อบจ.เทศบาลในจังหวัดที่ประสบภัย ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันขอความร่วมมือประชาชนเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งกรอกแบบฟอร์มขอรับการช่วยเหลือ ยื่นได้ที่ อปท.ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ จากนั้น อปท.จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหน้างานและถ่ายรูปสภาพที่อยู่อาศัย หากประชาชนมีรูปถ่ายแล้วก็สามารถแนบรูปยื่นส่งพร้อมเอกสารได้ โดยผู้ยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือต้องเป็นเจ้าของบ้านเท่านั้นเพื่อป้องกันการแอบอ้าง

นอกจากนี้ ในส่วนของการสัญจรทางน้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและป่าสักนั้น เพื่อความปลอดภัย และป้องกันผลกระทบแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำ กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ได้ออกประกาศแนวทางสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก โดยขอให้ผู้ควบคุมเรือเดินเครื่องเบา ระวังคลื่นกระทบบ้านเรือนประชาชน ซึ่งระบุให้การลากจูงเรือลำเลียงสินค้าได้ไม่เกินพวงละ 3 ลำ และต้องมีเรือดึงท้ายหรือโต่งท้ายที่กำลังเครื่องไม่น้อยกว่ากำลังของเครื่องจักรลากจูง รวมถึงจัดให้มีคนประจำเรืออย่างน้อย 1 คน ประจำหัวเรือลำเลียงทุกลำ โดยผู้ปฏิบัติหน้าที่นอกตัวเรือต้องสวมใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลา  พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ ใช้ช่วงเวลาสัญจรทางน้ำสำหรับเรือลากจูงและเรือลำเลียงสินค้า ขึ้น-ล่อง ในแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขาขึ้น เดินเรือในช่วงเวลากลางวัน ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. ส่วนขาล่อง เดินเรือตามน้ำนอกเหนือจากเวลาดังกล่าว  ต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของการเดินเรือและไม่กระทบต่อผู้ที่อยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำ สอบถามสายด่วนเจ้าท่า 1199