'เชียงราย'ลุ้นข้าวนาปีนับแสนไร่ปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือไม่ จี้รัฐเตรียมแผนรับมือ

'เชียงราย'ลุ้นข้าวนาปีนับแสนไร่ปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือไม่ จี้รัฐเตรียมแผนรับมือ

วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568, 19.24 น.

เชียงรายลุ้นข้าวนาปีนับแสนไร่ปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือไม่-จี้รัฐเตรียมแผนรับมือ-เครือข่ายภาคประชาชนจัดงานครบรอบ 1 ปีน้ำท่วมโคลนถล่ม-แนะรัฐบาลชุดใหม่ยกระดับแก้ปัญหา-ศิลปินอ่านบทกวีสาปแช่งผู้ทำให้แม่น้ำเป็นพิษ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย จ.เชียงราย เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขงได้จัดงานครบรอบ 1 ปีน้ำท่วมโคลนถล่มจังหวัดเชียงราย โดยได้มีการจัดเสวนาและอ่านบทกวีสาปแช่งผู้ที่ปล่อยสารพิษลงแม่น้ำกก สาย รวก โขง ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ พระมหานิคม มหาภินิกขมฺโม เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงราย นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง-มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย-มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย


ผศ.ดร.อังกูร ว่องตระกูล ผู้ช่วยคณะบดีคณะวิศวกรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กล่าวว่า ปัจจุบันทำงานร่วมกับทางหน่วยงานเกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงราย ภายใต้คณะทำงานพัฒนากระบวนการเตือนภัย และแนวทางป้องกันน้ำท่วม ในเขตเมืองจังหวัดเชียงราย โดยได้รวบรวมข้อมูลจาก ชลประทานจังหวัดเชียงราย ส่วนอุทกวิทยาที่ 2 กรมทรัพยากรน้ำ สำนักสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) และมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) ซึ่งทำงานลงพื้นที่ 7 ชุมชนตลอดลำน้ำกก ได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์และเปรียบเทียบ จัดระบบการแจ้งเตือนภัยให้ใกล้เคียงสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้น และมีการติดตั้งการวัดระดับน้ำอีก 11 จุดในเขตเมืองเชียงราย ประมาณการความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยสภาหอการค้าไทย ระบุว่าเชียงรายสูญเสียประมาณ 6,700 ล้านบาท ส่วนจังหวัดเชียงใหม่เสียหายประมาณ 5,000 ล้านบาท

ผศ.ดร.อังกูร กล่าวว่า แสดงข้อมูลผ่านเพจระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมือง สังเกตได้ชัดเจน ผู้ติดตามเพจมีการโต้ตอบปรับตัวได้ดีกับข้อมูล มีคำถามดีๆ ซึ่งปฎิกิริยาเช่นนี้ทำให้สามารถบริหารจัดการตัวเองได้ดี ข้อสังเกตคือสภาพของการท่วมของเชียงรายจากแม่น้ำกก มาจากฝนในเขตประเทศเพื่อนบ้าน จากประสบการณ์ ปริมาณ น้ำฝน น้ำท่า ไม่ใช่มาจากแม่น้ำฝาง หรือพื้นที่รับน้ำในประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่น้อยมาก โดยสังเกตว่าจากปริมาณน้ำฝนในพื้นที่อยู่ที่ 60-70 มม. ปรากฏว่าระดับน้ำที่ ต.ท่าตอน กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ต้นน้ำกกสถานีวัดน้ำฝนไม่มีเลยเนื่องจากอยู่ในพม่า จึงต้องใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม เมื่อสถานีวัดน้ำติดตั้งไม่ได้ และยังมีบางจุดเป็นพื้นสูงที่มีฝนตกแช่ หากใช้ข้อมูลดาวเทียมก็จะเตือนภัยได้ทัน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า เชียงรายมีวิกฤติสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง แม่น้ำกกแม่น้ำสายมาจากต่างประเทศ ส่วนแม่น้ำงาว แม่น้ำหงาว มาจากในประเทศ อบจ.กำลังมองหาพื้นที่รับน้ำได้หรือไม่ เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง ซึ่ง อบจ.ทำงานร่วมกับจังหวัดโดยจัดตั้ง “ศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ” รวบรวมข้อมูลตรงนี้ ขออนุมัติจังหวัดทำผ่านระบบไอทีและตั้งงงบประมาณ แต่เนื่องจากงบประมาณจะมีไม่มาก

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่าที่เป็นห่วงสุดคือข้าวนาปีกว่า 1 แสนไร่ที่จะมีการเก็บเกี่ยวเดือนตุลาคม ขณะที่กระเจี๊ยบเขียวและถั่วแระญี่ปุ่น ขณะนี้โรงงานไม่รับซื้อแล้ว จึงไม่ปล่อยเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรปลูก เพราะพื้นที่เป็นตะกอนดินแม่น้ำกก และได้มีผลการตรวจข้าวนาปรังแห่งหนึ่งพบแคดเมียมและสารหนูซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ตราบใดที่เหมืองแร่ยังคงปล่อยสารพิษอยู่เพราะส่งผลกระทบไปไกลมากแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีคนป่วยแต่ก็น่าเป็นห่วง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า เรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำเป็นปัญหาหนักอกหนักใจ ตนในฐานะผู้ปฎิบัติงานก็รู้สึกเครียดด้วยเช่นกันโดยทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการจากหลายภาคส่วน และสถาบันการศึกษาได้ทำการวิจัย ระดับประเทศได้มีการเจรจากับพม่า คิดว่าเมื่อได้รัฐบาลใหม่คงดำเนินการต่อ การแก้ปัญหาดีที่สุดคือที่ต้นเหตุ ทำอย่างไรไม่ให้เหมืองแร่ปล่อยสารพิษออกมา จังหวัดได้มีการตรวจเฝ้าระวังน้ำผิวดินเดือนละ 2 ครั้ง รวมทั้งตรวจคุณภาพน้ำประปาทั้งเขตเมืองและแม่สาย

“ผมอยู่เชียงรายมานาน มาใหม่ๆ ยังเห็นน้ำกกใสน่าว่ายเล่น แต่ 1-2 ปีที่ผ่านมาน้ำกกขุ่นมาก ปี 2567 ที่ต้นน้ำหน้าดินถูกเปิดเยอะ ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากเหมืองแร่”นายประเสริฐ กล่าว

รองผวจ.เชียงรายกล่าวว่า จังหวัดได้ตรวจพืชริมแม่น้ำกก และตรวจปลา เดือนละ 1 ครั้งโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และเราจะดำเนินการในเชิงรุกลงชุมชนใช้ชุดตรวจสนาม หากพบสารหนูก็จะส่งแลบให้ตรวจอีกครั้ง  “สำหรับเรื่องข้าวทางเกษตรมีแผนตรวจเฝ้าระวังอยู่แล้ว ส่วนน้ำประปาเรากำลังหาแหล่งน้ำใหม่ เพราะหากสารโลหะหนักเกินมากกว่านี้จะทำอย่างไร กำลังวางแผนหาแหล่งน้ำสำรอง โดยตอนแรกประปาแม่สายจะไปใช้น้ำโขง และน้ำแม่คำ ส่วนอำเภอเมืองมองไปที่เขื่อนแม่สรวยแล้วส่งน้ำมา ซึ่งเป็นแผนที่ควรทำทันทีผมเองตอบไม่ได้อยู่เรื่องหนึ่งคือหากน้ำกกมีค่าสารหนูปนเปื้อนเกิน 0.05 มล./ล. พื้นที่ทำการเกษตรของเราจะทำอย่างไร เช่นเดียวกับผลผลิตข้าวนาปีที่กำลังจะเก็บเกี่ยว 5 หมื่นตัน ภาวนาขออย่าให้มีสารปนเปื้อนเกินมาตรฐาน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร” นายประเสริฐ กล่าว

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋กล่าวว่า หลายภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายพยายามช่วยกัน แต่เรื่องสำคัญคือการแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือเหมืองในรัฐฉาน ทุกวันนี้ที่ปัญหายืดเยื้อคือเรื่องข้ามพรมแดนซึ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เห็นรัฐบาลแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพได้เลย หากได้รัฐบาลชุดใหม่อาจต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองปัญหา เพราะปัญหาเรื่องความมั่นคงมักมองแต่เรื่องการรบกัน แต่เรื่องมลพิษในครั้งนี้ใหญ่กว่าอีกเพราะประชาชนได้รับผลกระทบมากมาย แต่รัฐบาลกลับไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คุยกับพม่า อย่างเดียวเพราะการปนเปื้อนในแม่น้ำลามไปถึงอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงแล้ว ตอนนี้เหมืองแรร์เอิร์ทที่ลุ่มน้ำโขงเพิ่มเป็นกว่า 500 แห่งแล้ว ผู้นำรัฐบาลควรเดินสายคุยกับประเทศลุ่มน้ำโขง

“การขับเคลื่อนลึกๆ กับนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ผ่านมาพอเข้ามาร่วมประชุมเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า เราต้องคุยกับพรรคที่มีตัวแทนอยู่ในบ้านเราและเชียงใหม่ ทำเป็นยุทธศาสตร์ร่วมผ่านนโยบายของพรรค”ครูตี๋ กล่าว

นางเตือนใจ ดีเทศน์ กล่าวว่า เราต้องตั้งคำถามต่อจีน ประชาคมยุโรป และออสเตรเลีย ว่าการใช้ผลผลิตที่ได้แรร์เอิร์ทจากแหล่งที่มีปัญหาส่งผลกระทบต่อประชาชนจะทำอย่างไร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ควรยกระดับการเจรจาเรื่องนี้สู่ระดับโลก

ภายหลังจากเวทีเสวนามีกิจกรรมศิลปะ อ่านบทกวีสาปแช่งผู้ที่ทำให้สายน้ำเป็นพิษ ประกอบดนตรี จากศิลปินขัวศิลปะและนักศึกษา

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top