‘ดิไอคอน’ไม่กลัวปังตอ

พาตัวแทนบริษัททัวร์เวนิส

เพจ ดิไอคอนประกาศยืนยันทริปเที่ยวเวนิสเป็นไปตามกำหนดเดิม แม้ผู้บริหารบริษัทจะถูกดำเนินคดี โซเชียลคอมเมนต์สนั่น ด้านทนายบอสพอลออกมาคอนเฟิร์มเป็นไปตามข้อตกลงเดิมรักษาสัญญาตัวแทนที่เปิดบิลและขายของได้ตามเป้าของบริษัทก่อนเกิดคดี แสดงให้เห็นว่าบริษัททำธุรกิจจริง ไม่ได้โกงตัวแทนตามที่มีการกล่าวหา

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “The iCon Group” โพสต์ภาพและข้อความระบุข้อความประกาศ สำหรับทริบท่องเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี รอบการเดินทาง วันที่ 2-8 พฤศจิกายน 2567 วันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2567 ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางเพจได้โพสต์โปรโมตการไปเที่ยวเวนิส ประเทศอิตาลีระบุ “รู้หรือไม่? VENICE ITALY มีอะไรให้เที่ยวกว่าที่คิด! ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือกอนโดล่า ดื่มด่ำบรรยากาศโรแมนติก เดินชมแลนด์มาร์กสำคัญ ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม อันเก่าแก่ และอลังการ เตรียมตัวคุณให้พร้อม โปรโมชั่นเดือนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด

สำหรับทริปเที่ยวอิตาลีครั้งนี้คือ ทริปฉลองความสำเร็จ TOP INCOME หรือผู้ที่ทำรายได้เข้าบริษัทระดับต้นๆ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิไป หลังจากโพสต์ไม่นานมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น “ขอให้เดินทางปลอดภัย และเที่ยวให้สนุก เก็บภาพสวยๆ มาฝากครอบครัวดิไอคอนนะคะ” “ทริปฮ่องกงยังไม่กลับมากันเลย”“บอสพอลน่ารักเสมอ เป็นกำลังใจให้บอส ผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ” “ยังมีใจเที่ยวกันอยู่อีกได้หรอครับ” “จะเหมือนทัวร์ที่สุวรรณภูมิตอนนั้นมั้ยนะ” “อย่าลืมเอาบอสไปด้วยนะ” “สุดยอดครับ ถูกต้องเลยครับ ค้าขายได้ปกติก็มีรางวัลชีวิต” “บริษัทยังแจ้งข่าวสารให้ เดินทางปลอดภัยนะคะทุกคน” “บอสพอลจะทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่มั้ย” “บอสพอลไปด้วยไหม?”

ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ส่งข้อความชี้แจงต่อสื่อมวลชนภายในกลุ่มไลน์ว่า ข้อความในเพจของบริษัท เป็นไปตามข้อตกลงสำหรับตัวแทนที่ขายเปิดบิลและขายสินค้าได้ตามข้อกำหนดของบริษัท ซึ่งเป็นข้อตกลงเดิมก่อนที่จะมีคดีนี้ บริษัทรักษาสัญญาต่อตัวแทน สำหรับเรื่องทริปท่องเที่ยวแสดงให้เห็นว่า บริษัททำธุรกิจจริง และไม่ได้ฉ้อโกงตัวแทนตามที่ถูกกล่าวหา

อีกด้านหนึ่งความคืบหน้าภายหลังดีเอสไอรับคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เป็นคดีพิเศษแล้ว แต่ยังไม่สามารถเอาผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ล่าสุด พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ว่าที่อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมพนักงานสอบสวน เข้าพบผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังแล้วเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ขอความร่วมมือให้ข้อมูลว่ารูปแบบธุรกิจ งบการเงินและแผนประทุษกรรมของบริษัท ดิไอคอน เข้าองค์ประกอบแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลา รวมทั้งยังต้องสอบถามไปยังหน่วยงานอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ก่อนสรุปว่าเข้าองค์ประกอบความผิดแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งการจะเข้าข่ายพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือไม่นั้น ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบใน 3 องค์ประกอบ

ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอลเข้าร้องเรียนเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สืบสวนกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท ก่อนจะมีการจับกุมบอสพอล พบว่ามีการประสานงานผ่านโทรศัพท์มาจากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า หลังบก.ป. รับเรี่องมา เจ้าหน้าที่ก็ต้องรอพยานหลักฐานที่นายวิฑูรย์กล่าวอ้างในกรณีดังกล่าวมามอบให้ ขณะนี้มีเพียงข้อมูลเบื้องต้นจากคำให้การของนายวิฑูรย์เท่านั้น และหลังจากนี้ต้องตรวจสอบโทรศัพท์ของสำนักงานดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลขาฯของสำนักงานหรือผู้ใดเป็นคนโทรศัพท์ติดต่อบอสพอลไป ก่อนที่บอสพอลจะติดต่อกลับหาทนายตั้มทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมีข้อเท็จจริงหรือไม่ คาดว่าคงจะเรียกสอบปากคำทนายตั้มและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากหน่วยงานที่ตนดูอยู่ มีแค่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ บก.ป.เป็นผู้รับผิดชอบ