วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 12.20 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายรัชพล ศิริสาคร หรือทนายรัชพล เดินทางติดต่อเข้าเยี่ยมเพื่อให้กำลังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในฐานะเพื่อนทนายรัชพล เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาในวันนี้เพื่อมาเยี่ยมทนายตั้ม แต่ทางด้านตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม และเจ้าตัวทนายตั้มเองก็ไม่ให้เยี่ยม จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไร โดยในความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตนกับทนายตั้มยังเป็นเพื่อนกัน และเพื่อนไม่สามารถตัดกันได้ สนิทกันตั้งแต่สมัยก่อนจนวันนี้ก็ยังสนิทอยู่ ตนยังรักและหวังดีกับทนายตั้มเสมอ แต่ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หากทนายตั้มทำดีก็ได้ผลดีไป หากทำอะไรไม่ดีก็รับผลกรรมไป ซึ่งในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองอยู่แล้ว 

ทั้งนี้อยากกล่าวถึงทุกคนว่า คนดีหรือไม่ดีมีทุกวงการ ไม่เกี่ยวว่าเป็นทนายแล้วจะต้องเป็นคนเลวเสมอไป เพราะว่าตอนนี้กระแสคนด่าอาชีพทนายเยอะมาก จึงอยากบอกว่าการทำไม่ดีเป็นเรื่องของส่วนบุคคล โดยตนมีการพูดคุยกับทนายตั้มครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ทนายตั้มอยู่จ.นครพนม โดยทนายตั้มโทรมาหาตน แต่ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมาก หลังจากนั้นทนายตั้มก็มีการแจ้งมาว่าเปลี่ยนโทรศัพท์ชั่วคราว จึงขาดการติดต่อไป ซึ่งในวันนั้นมีการพูดคุยเรื่องคดีเล็กน้อย ไม่ได้ลงรายละเอียดเพราะทนายตั้มก็มีทนายที่ไว้วางใจอยู่แล้ว ก็คือทนายสายหยุด ในส่วนนี้ตนก็คงไม่เข้าไปยุ่งในคดี เพราะข้อเท็จจริงต่างๆตนไม่รู้จริง ปล่อยให้เป็นเรื่องของคดีไป แต่ทนายตั้มเองก็ยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนยืนยันไลน์กลุ่มยังอยู่เหมือนเดิม และตนไม่เคยซ้ำเติม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินทนายตั้มก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่หาดตัดสินเมื่อไหร่ก็ว่ากันอีกที

เมื่อถามว่าเคยสังเกตหรือไม่ว่าทนายตั้มรวยผิดปกติ ทนายรัชพล กล่าวว่า ก็สงสัยว่ารวยมาจากอะไร แต่เรื่องพวกนี้ก็คงไม่ไปเสียมารยาทถาม ส่วนทนายตั้มเองก็คงไม่มานั่งบอกว่าทำอะไรมา