วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
12 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก แค่ครึ่งวันสูญเงินเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งป้าและหลานชายทุกข์ใจหนักมาก เพราะเป็นเงินจากการทำงานเก็บมาทั้งชีวิตของครอบครัว
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางอภัย อายุ 56 ปี ชาวบ้านบ้านกุดค้า หมู่ 10 ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี และนายรพีภัทร อายุ 17 ปี หรือน้องน้ำ หลานชายนางอภัย นำเอกสารใบแจ้งความกับตำรวจ สภ.ทุ่งฝน และเอกสารการโอนเงินไปยังบัญชีม้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 4 บัญชี คือบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีนายอภิชาติ สิทธิญาณ,ธนาคารกรุงศรี ชื่อบัญชีน.ส.น้ำฝน คำฝอย,ธนาคารกรุงเทพฯ ชื่อบัญชี นายภีมากร รสสุคนธ์สกุล และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี Kusuma changot โดยโอนไปทั้งหมด 12 ครั้ง ครั้งละ 49,9900 บาท ครั้งละแสน ครั้งละล้านบาทเศษก็มี โอนเงินไปทั้งหมด 12 ครั้งรวมสูญเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 3,412,642 บาท
.jpg)
นางอภัย บอกว่า ตนเองกับสามีเก็บเงินมาทั้งชีวิต เงินที่สูญไปเกือบ 4 ล้านบาทให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเงินเก็บที่สามีไปทำงานเมืองนอกมากว่า 18 ปีและเงินที่ตนเองไปทำงานที่ระยอง เก็บหอบรอมริบมาเรื่อยๆ จุดเริ่มต้นคือเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา มีแก๊งคอลฯโทรเข้าเบอร์หลานชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฯ บอกว่า หลานชายไปเกี่ยวข้องกับคดีอะไรสักอย่าง จะมีการจับกุม ให้โอนเงินไปตรวจสอบ โดยตอนแรกหลานชายก็ตกใจนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฯจริง เขารู้ชื่อ รู้หมายเลขบัตรประชาชนหมด ตอนแรกยังไม่บอกย่า หลานก็แอบโอนเงินจากย่าไปให้เขา โอนไปครั้งแรก 49,999 บาท และโอนต่อไปเรื่อยๆล้านกว่าบาท
ทีนี้หลานก็มาบอกย่าว่า ย่าๆ มีเจ้าหน้าที่ฯ โทรมาบอกว่ามีคดี เราก็เลยเชื่อไปกับหลานไม่อยากให้หลานเจอคดี มีเงินฝากประจำอยู่อีก 2 ล้านบาทก็พาหลานชายไปเบิกในวันนั้นเวลาหกโมงเย็น พอได้เงินออกมาแล้วเอาเข้าบัญชีหลานชายโอนไปให้เขาอีก ยังไม่พอพวกนี้ยังโทรมาบอกว่ามีบ้านมีรถหรือมีทรัพย์สินอีกไหม ให้เอาไปจำนำจำนองได้เงินสดโอนมาตรวจสอบอีก แต่ทีนี้หลานชายคิดว่าถูกหลอกแน่ จึงไม่ทำตามเขา และหลานชายโทรไปก็ไม่รับสายอีกเลย อยากจะวิงวอนและขอความเมตตาจากเจ้าหน้าที่ฯ ติดตามจับกุมให้ด้วยเถิด ป้าอยากได้เงินคืนแม้ความหวังจะริบหรี่ ป้าและหลานยกมือไหว้แถมน้ำตาคลอ
.jpg)
นายน้ำ บอกว่า เริ่มต้นมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาที่เบอร์ของตนเอง เมื่อประมาณ 10 โมงเช้าวันที่ 9 ธ.ค.67 เป็นผู้หญิง อ้างว่าชื่อ ร.ต.อ.ประภัสสร อ้างเป็น DSI จากนั้นให้แอดไลน์ เป็นภาพตำรวจจริงๆ เขาก็ถามว่า นายรพีภัทร์ใช่ไหม ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ เขาบอกว่าไปเกี่ยวข้องกับคดีเกี่ยวข้องนายศรัทธา ต้องมีการดำเนินคดี ตอนนี้อายัดบัญชีไว้แล้ว ปลายสายเขาก็บอกว่าถ้าไม่เชื่อลงเข้าแอพธนาคารดู ปรากฏว่าแอพธนาคารก็ค่อยไม่ได้จริงๆ
จากนั้นเขาก็โอนสายไปให้กับ ร.ต.อ.บุญมี อ้างว่าอยู่ สภ.เมืองนครราชสีมา เขาก็โชว์เอกสารและส่งมาให้ดูด้วย เป็นคำสั่งลับทางราชการลับพิเศษของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโยลีและหนังสืออายัดบัญชี ห้ามแพร่งพรายข้อมุลนี้ให้กับใคร แม้แต่ตำรวจในพื้นที่ พร้อมกับแจ้งว่าตนเองมีคดีเกี่ยวกับกับนายศรัทธา
.jpg)
หากไม่อยากถูกดำเนินคดีต้องโอนเงินไปตรวจสอบ หากไม่ดำเนินการจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ถึงขั้นนั้นแล้วช่วยไม่ได้ ด้วยความตกใจเพราะเขารู้ชื่อ ถามบัตรประชาชนก็บอกหมายเลขถูก แอพธนาคารก็ค่อยไม่ได้ ตนเองจึงเอาแอพธนาคารของย่าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองเพื่อโอนไปให้เขา ช่วงที่คุยกับเขาเขาไม่ยอมวางสายเลยตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงหกโมงเย็น โอนไปทั้หงมด 12 ครั้ง 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 3,412,642 บาท และจากการที่คุยกับเขา เขาบอกว่าเกี่ยวข้องคดีกับนายศรัทธา และเมื่อดูข่าวลักษณะเดียวกันกับพี่ชาล็อต ออสตินที่สูญเงิน 4 ล้านบาท ลักษณะตรงกันเปะแบบนั้นเลย
ยอมรับตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยเจอมาก่อน และอีกอย่างตกใจเชื่อเขาหมดเลย เพียงแค่ครึ่งวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง หกโมงเย็นผมโอนเงินไปให้กับแก๊งคอลฯเกือบ 4 ล้านบาทเป็นเงินปู่และย่าทั้งนั้น และเช้าวันที่ 10 ธ.ค.67 แก๊งคอลยังโทรมาอีกบอกว่าให้ย่ามีทรัพย์สินอะไรอีก มีบ้านเอาไปจำนอง มีทองเอาไปขายแล้วโอนเงินไปตรวจสอบ ตนเองเริ่มเอะใจจึงบอกเขาไปว่า ไม่โอนไปอีกแล้ว จากนั้นเขาก็ตัดสายไป โทรไปใหม่ก็ไม่รับสายอีกเลย เสียใจมากที่เอาเงินปู่และย่าโอนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายน้ำพูดไปก็น้ำตาคลอไป
ขณะที่ย่าได้มาปลอบใจ ที่หลานชายหลงกลโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลัวหลานชายคิดมาก พร้อมโอบกอดหลานชายบอกอีกว่า ไม่ตายเราหาใหม่ได้ และจะกลับไปทำงานเก็บเงินที่จ.ระยองอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ตร.ติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้อย่าให้ไปทำกับคนอื่นอีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี