'อสส.'ตั้งคณะทำงานฝีมือดี สอบคดี'ทนายตั้ม'ฟอกเงินฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 71 ล้าน

'อสส.'ตั้งคณะทำงานฝีมือดี สอบคดี'ทนายตั้ม'ฟอกเงินฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 71 ล้าน

วันพุธ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 15.16 น.

อสส.ตั้งคณะทำงานอัยการฝีมือดี นำโดย ‘วัชรินทร์  รอง อธ.การสอบสวน นั่งหัวหน้าคณะทำงาน ร่วมตร.สอบคดี"ทนายตั้ม"ฟอกเงินฉ้อโกงเจ๊อ้อย  71 ล้าน โอนจากต่างประเทศ  เข้าบัญชีทนายคนดังกับพวก หลังเห็นว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เรื่องการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมทำการสอบสวนคดีนอกราชอาณาจักร ที่น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐีนีชาวไทย กล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กับพวก ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง


โดยคดีนี้นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งตามกฎหมายให้อำนาจอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือมีอำนาจตั้งพนักงานร่วมสอบสวน อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ให้พนักงานสอบสวนคนหนึ่งคนใดตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 และคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 247/2567เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ทำการสอบสวนคคีอาญาคดีนี้ โดยให้พนักงานอัยการคนหนึ่งคนใดในสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน ดังกล่าว และให้พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจ สอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจและติดตามเป็นจำนวนมาก มีการนำเสนอต่อสื่อสาธารณอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เป็นการกระทำความผิด หลายกรรมต่างกัน เพื่อให้การสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นธรรม

เมื่ออัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรจึงให้อัยการสำนักงานการสอบสวนเข้าร่วมสอบสวนกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)

ดังนั้น ร.ต.อ. โชคชัย สิทธิผลกุล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน จึงมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานอัยการร่วมทำการสอบสอบกับพนักงานสอบสวน และแต่งตั้งตั้งเจ้าพนักงานคดีเพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานอัยการที่เข้าร่วมสอบสวนคดีอาญาที่ 48/2567 ของกองกำกับการ3 กองบังคับการตำรวจปราบปราม ( กก.3 บก.ป. ) ดังนี้

ให้ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ร.ต.อ.วสันต์ จันทร์อินทร์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 2 ช่วยราชการสำนักงานการสอบสวนปฏิบัติราชการในหน้าที่ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 2  น.ส.ทักษอร สุวรรณสายะ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 5 ,น.ส.บุษยภา เมณฑกา  อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 5 ,ร.ต.อ.สุวรรณสาม คีรีวิเชียร อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 2 ,นายเทพสิทธิ์ เกียรติเดชปัญญา อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 เป็นคณะทำงาน โดยให้ ร.ต.อ.สุวรรณสาม เป็นเลขานุการ คณะทำงานด้วย

โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้ดำเนินการเข้าร่วมทำการสอบสวนในทันที เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 และแนวทางปฏิบัติการสอบสวนว่าด้วยการสอบสวนและงานธุรการเกี่ยวกับการสอบสวน พ.ศ.2560 โดยเคร่งครัด พร้อมให้เลขานุการคณะทำงานรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามให้อัยการสูงสุดทราบเป็นระยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้มีการโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร ทาง บช.ก.ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเห็นว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรจึงเสนอตามขั้นตอนมายังอัยการสูงสุด เพื่อรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งกฎหมายให้อัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือมีอำนาจตั้งพนักงานสอบสวน

โดยคดีนี้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว เห็นพ้องด้วยกับความเห็นรองอัยการสูงสุดและสำนักงานการสอบสวนเสนอว่า ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทยของน.ส.จตุพรผู้เสียหายและของนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 รับฟังได้ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ ขณะผู้เสียหายอยู่นอกราชอาณาจักรไทยได้ถูกผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้กลอุบายที่แตกต่างกันฉ้อโกงหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินหรือส่งมอบเงินและสั่งจ่ายเช็คจำนวน 71 ล้านบาทโดยทุจริต เป็นการกระทำความผิดที่มีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำนอกราชอาณาจักรไทย จึงมีคำสั่ง มอบหมายพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ และพนักงานอัยการเข้าร่วมการสอบสวนคดีนี้.
      
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top